BED FRIEND : SPECIAL - SLEEPING BEAUTY



SLEEPING BEAUTY



การนอนเตียงเดียวกันสำหรับเราไม่ใช่เรื่องใหม่
     
ไม่รู้ว่าเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆที่สนิทกันจะเป็นเหมือนกันไหม แต่สำหรับผมมันปกติมากๆถ้าจะนอนกับมาร์ค
     
เพราะจากปากคำของม๊าผม แกยืนยันว่าเรานอนด้วยกันมาตั้งแต่เกิดแล้ว





               ผมกลับมาถึงบ้านในตอนหกโมงเย็นของวันหนึ่ง

               ใช่ ตอนนี้ต้องเรียก ‘บ้าน’ ไม่ใช่ ‘ห้อง’ เพราะเรา - หมายถึงผมกับมาร์ค.. ตัดสินใจเป็นหนี้ยาวๆหลายสิบปีเพราะบ้านหลังย่อมๆนี้เมื่อสี่เดือนก่อน หลังจากกลับมาจากปารีสและใช้เวลาถกกันยาวเดือนกว่า เราก็ตกลงเลือกว่าจะซื้อหลังที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ทำงาน สะดวกเดินทางทั้งรถส่วนตัวและรถไฟฟ้า พ่อกับแม่ของมาร์คมาช่วยเรื่องสัญญา ม๊าผมมาดูบ้านให้ว่าถูกฮวงจุ้ยดีไหม บอกผมว่าป๊าขอเวลาทำใจอีกสักพักก่อนจะมาเจอ และฝากของขวัญมาให้อย่างสองอย่าง
     
               แต่ที่แย่คือไม่มีใครช่วยเราขนของสักคน

     
               สรุปว่าก็มีแค่เราสองคนนี่แหละครับที่ต้องนั่งแพ็คของ ขนของจากคอนโดเข้าๆออกๆอยู่สองวันจนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ก่อนจะโทรเรียกบริษัทขนย้ายมาช่วยในวันที่สาม แต่บ้านก็ยังต้องใช้เวลาแต่งเพิ่มอยู่ดี จนตอนนี้ค่อยเข้าที่เข้าทางขึ้นมาบ้างแล้ว ถึงจะไม่ได้อย่างที่อยากเต็ม 100% ก็เถอะ



     

          
               ว่าแต่ตอนนี้เราไม่ได้จะมาอวดบ้านนี่ ผมอยู่ตรงไหนแล้วนะ?     
               อ่า ใช่ๆ นี่เป็นไม่กี่ครั้งหรอกที่ผมจะกลับบ้านคนเดียว โดยเฉพาะในปีนี้ที่อะไรๆหลายอย่างเกิดขึ้น มันน่าจะแค่ครั้งที่ 3 ไม่ก็ 4 ที่ผมไม่ได้กลับบ้านพร้อมมาร์ค แต่วันนี้ไม่ใช่เพราะมาร์คค้างบริษัทหรอกนะ…
     
               ผมวางกล่องอาหารที่ซื้อจากข้างนอกมาบนเคาท์เตอร์ในครัว ผมน่ะกินแล้ว แต่กล่องนี้เป็นของมาร์ค ไม่รู้ว่ามันจะตื่นมากินกี่โมงกันแน่เพราะเห็นว่าเพิ่งปิดงานได้ตอนราวๆเที่ยง และมันก็กลับมารอผมที่บ้าน ซึ่งมันก็น่าจะง่ายกว่าการให้ผมที่วันนี้ร่างใกล้แหลกพอกันหอบหิ้วมันขึ้นรถไฟฟ้ากลับมาเป็นไหนๆ
               

     
     

               ช่วงนี้เป็นช่วงปิดงบประมาณกลางปี สถานการณ์ในบริษัทวุ่นวายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดจนผมกับมาร์คแทบไม่มีเวลาปลีกตัวมาหากัน อย่าว่าแต่ร้านกาแฟเลย เครียดก็ยังโดดไปสูบบุหรี่ด้วยกันไม่ได้ กลับบ้านมาก็แทบจะเป็นศพ อาบน้ำ กินข้าว นอน ชีวิตอนามัยยิ่งกว่าเด็กประถม ลืมเรื่องบนเตียงไปได้เลยนะ เราไม่ได้แตะตัวกันและกันตั้งแต่ใต้สะดือลงไปมาเดือนกว่าแล้ว
     
               มหัศจรรย์สุดๆไปเลยใช่มั้ยล่ะ?
     
               แต่มันก็ยังมีอะไรดีๆอยู่บ้างนะครับในช่วงเวลาแบบนี้ ถึงเราจะเหนื่อยแทบรากเลือด แต่อย่างน้อยตอนกลับมาถึงบ้านผมก็ยังมีมาร์ค เรายังได้จูบกันนิดหน่อย นอนกอดกันใต้ผ้าห่ม และตื่นมาพร้อมกันในอีกวัน…
               
               ดีกว่านี้จะหาได้จากไหน? ไม่มีหรอก





               พอชะโงกหน้าไปมองบนเตียงได้ก็เห็นรูมเมท… ไม่สิ ตอนนี้ไม่มีห้องแล้ว เราต้องเป็นอะไรกันล่ะทีนี้? เฮ้าส์เมทเหรอ? ช่างเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้มาร์คนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง กางแขนกางขาเต็มที่
               ผมอดขำในท่าทางแสนจะสบายตัวเหลือเกินของมันไม่ได้ เหตุหนึ่งเพราะไม่ได้นอนดีๆมาหลายคืนแล้ว สองสามคืนได้แล้วมั้งที่ผมตื่นมากลางดึกแล้วเห็นมาร์คยังนั่งทำงานทั้งๆที่ตอนสามสี่ทุ่มมันยังนอนอยู่กับผม เหมือนมากล่อมให้ผมหลับแล้วก็ตื่นไปทำงานต่อยังไงยังงั้น พอเห็นมันนอนหลับตาพริ้มแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้
     
               จริงๆมาร์คมันน่ารักนะครับ..
     
               ดูหน้ามันสิ ถ้ามุมนี้นะ น่ารักขาดใจเลยให้ดิ้นตาย จมูกโด่งเป็นสัน ขนตาก็เป็นแพเชียว ไหนจะปากสวยๆที่แดงธรรมชาติอย่างกับคนไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อนนั่นอีก แม่งโกงธรรมชาติโคตรๆ ดูดีจนคิดว่าสวรรค์ลำเอียงที่ประดิษฐ์มันออกมาดีกว่ามนุษยชาติทั่วไป
               แล้วพอมานอนนิ่งๆแบบนี้… นึกถึงนางเอกการ์ตูนดิสนีย์เลยอ่ะ คนนั้นน่ะ..


               เจ้าหญิงนิทรา


               คิดแล้วก็ขำเอง การเอาผู้ชายแบบมาร์คไปเทียบกับเจ้าหญิงดิสนีย์นั่นออกจะทำลายความฝันของสาวน้อยทั่วโลกไปนิด แต่มันเหมือนมากนะคุณ ถ้ามีมงกุฎดอกไม้ให้ใส่นี่น่าจะเข้ากั๊นเข้ากัน
               
               



               ผมรูดเนคไทออกจากคอ วางพาดไว้บนเก้าอี้ สูทถอดไปนานแล้วตั้งแต่หน้าห้อง ตอนนี้เลยเหลือแต่เสื้อเชิ้ตกับแสลคทำงาน ก้าวขาขึ้นเตียงไปหาคนที่กำลังหลับลึกจนไม่รู้เรื่องรู้ราวแม้ผมจะเปิดไฟสลัวๆ เสียงลมหายใจสม่ำเสมอกับหน้าตาไร้พิษภัยของมาร์คในตอนนี้แม่ง…
     
               เห็นแล้วอยากทำอะไรไม่ดีขึ้นมายังไงไม่รู้
     
               จะว่าผมก็ว่ามาเถอะ แต่คุณ เราเคยทำกันวันละ 2 รอบเป็นอย่างต่ำ แล้วอยู่ๆก็ไม่ได้ทำกันมาเดือนกว่าแบบนี้ เป็นคุณคุณไม่อยากเรอะ? แล้วมาร์คแบบไม่มีสติเนี่ยหายากนะ มันนอนดึกแค่ไหนคุณก็รู้ แถมยังอดนอนได้ราวๆ 3 วันเต็มๆ แทบจะไม่มีช่องว่างให้ผมได้โจมตี
               


               ผมกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ขยับตัวมาคร่อมท่อนล่างของอีกฝ่ายเอาไว้ ค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปใต้ขอบกางเกงยางยืด รูดมันลงอย่างช้าๆ ระวังเหมือนกลัวมันจะตื่นขึ้นมา

               อื้อหือ… มาร์คครับ
               ถ้าจะไม่ใส่บอกเซอร์นอนแบบนี้นะ..

               ใจผมนี่เต้นโครมครามเมื่อเห็นว่าใต้กางเกงผ้าของมันคือ...นั่น เออ อันนั้นแหละ อันที่เคยเข้าไปทักทายข้างในตัวผมบ่อยๆนั่นแหละ ขนาดตอนนิ่งสงบมันก็ดูปกติน่ารักน่าชังดีหรอกนะ แต่ทำไมตอนที่มันพร้อมรบถึงได้...อัพไซส์เว่อร์ขนาดนั้นวะ ไม่เห็นจะเข้าใจ ใครก็ได้อธิบายทีซิ
     
               ผมขยับมือเข้ากอบกุมมันเบาๆ ไม่ยากหรอกครับที่จะกระตุ้นให้มันอยู่ในสภาพที่ผมคุ้นเคย เพียงแต่การกระตุ้นแบบปกติของผมอาจจะรุนแรงและเสียงดังไปหน่อย เลยเลือกที่จะลูบคลำมันเบาๆ คลึงนิ้วมือกับส่วนปลาย ในขณะที่จัดท่าทางตัวเองให้สะดวกแก่การทำ


     
               “อือ…”
               เสียงของคนที่ผมกำลังกระทำการอุกอาจ(?)ด้วยดังขึ้นมาเบาๆ แต่นั่นก็ทำให้ผมชะงักมือไปนิด ชะโงกหน้าไปดูว่ามันตื่นไหม และเมื่อมั่นใจว่าไม่ ผมก็ก้มตัวลงนิดๆ แตะปากลงกับผิวเนื้ออุ่นที่อยู่ในอุ้งมือ
     
               ไม่บ่อยหรอกครับที่ผมจะใช้ปากให้ใคร กับคนอื่นนับครั้งได้ กับมาร์คก็บ่อยหน่อยแต่ไม่ได้บ่อยมากมาย แค่บางวันที่อยากจะเรียกร้องความสนใจเท่านั้น ก็มาร์คน่ะบ้างาน วันหยุดก็ยังจะเอามาทำที่บ้านทั้งที่เอาไว้ทำวันจันทร์ก็ได้ และเมื่อมันดื้อจะทำจนได้ผมก็จะทำของผมเหมือนกัน นั่งดูดมันอยู่ตรงเก้าอี้ทำงานนั่นแหละ ทนได้ก็ให้มันรู้ไป
               
               รสชาติของผิวเนื้อนี่...ยังไงผมก็ไม่ชิน ถึงจะมีกลิ่นสบู่ให้สบายใจได้ว่ามันอาบน้ำมาแล้ว แต่ความรู้สึกเวลาที่เอาเข้าปากก็ยังอธิบายยาก ผมทำไม่เก่งเท่ามาร์คหรอก ได้แค่นิดหน่อย แต่ผมก็รู้แหละว่าควรจะทำอะไรกับส่วนไหนเลยตั้งอกตั้งใจกับส่วนปลายเป็นพิเศษ ใช้ลิ้นดุนเบาๆกับมันพลางกุมมือไว้ตรงส่วนที่เหลือ รูดแผ่วๆไปพร้อมกันจนมันเริ่มจะอุ่นขึ้นมาบ้าง สุดหายใจลึกๆก่อนจะรับมันเข้าไปเพิ่มอีกทีละนิด ระวังฟันสุดชีวิต กลัวมันจะตื่นถ้าผมเผลอไปครูดเข้าใส่ให้


               “..อืมมม…”
     
               เสียงอืออาเบาๆในลำคอของมาร์คทำเอาผมชะงักทุกๆ 5 ถึง 10 วินาที แบบว่าต้องหยุดมามองว่ามันเป็นปฏิกิริยาปกติหรือว่าตื่นกันแน่ ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้มันตื่นนะ.. แต่ทำแบบนี้ก็ตื่นเต้นดี
               ผมรูดริมฝีปากไปตามความยาว ก่อนจะอ้าปากกลืนเข้าไปลึกขึ้นอีกครั้ง แต่ถึงผมจะเบาจะช้ายังไง ความเปียกแฉะของน้ำลายมันก็ยังก่อให้เกิดเสียงขึ้นมาจนได้ และขนาดว่าเลี่ยงการดูดแรงๆให้มันรู้สึกตัวแล้ว แต่ไอ้อวัยวะตรงหน้าก็ยังว่าง่าย ตอบสนองขึ้นมาอย่างกระตือรือร้นจนเริ่มจะคับลิ้นคับปากขึ้นมา

     
               “ฮื่อ…” อันนี้เสียงผมเอง ไม่ใช่ของมาร์ค ก็มันช่วยไม่ได้นี่ คนบ้าอะไร เมื่อกี้อยู่แค่ในปากแต่ตอนนี้ดันมาจะถึงคออยู่แล้ว จากที่เคยหายใจได้สะดวกก็กลายเป็นว่าขัดๆขึ้นมา ความขลุกขลักเพราะขนาดที่เปลี่ยนไปทำให้ผมต้องถอนปากออกมาพักหายใจ
     
               อื้อหือ.. นี่ยังเข้าไปไม่ถึงครึ่งเลยเหรอวะ? ให้ตายเหอะ ถ้าเข้าไปหมดไม่ทิ่มไปยันคอหอยรึไงเนี่ย?
     
               พอใช้สติในการคิด วิเคราะห์ แยกแยะดูแล้ว จะทำต่อก็ไม่น่ารอด ผมควรจะไปในทางที่ถนัดมากกว่ามาฝืนทำอะไรที่ไม่ใช่ทาง ว่าแล้วก็ตัดสินใจลุกขึ้นไปหยิบเอาขวดเจลหล่อลื่นที่ซื้อมาพร้อมโปรโมชั่น 1 แถม 1 ที่วางอยู่บนเตียง (แน่นอนว่าอีก 9 ขวดที่เหลือนั่นอยู่ในตู้) เปิดขวดแล้วเทเจลสีฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานมาเดือนกว่าใส่มือตัวเอง


               ไม่บ่อยหรอกที่ผมจะได้ทำเอง ไม่ใช่ว่ามาร์คทำให้หรอกนะครับ แต่เราไม่เคยมีจังหวะที่ ‘ไม่ได้ทำ’ กันมากกว่า 3 วันมาก่อน ไม่อยากจะบอกว่าข้างหลังผมนี่บางวันมาร์คมันใส่เข้าไปได้ทั้งๆแบบนั้นเลยเหอะ ไม่เคยเห็นมันบ่นเรื่องความหลวมความคับอะไรเหมือนกัน ทั้งที่ทำบ่อยขนาดนั้นน่าจะเสื่อมสภาพกันไปบ้างน่ะนะ
               
               “..ฮะ..อืมม...”
               เจลที่ไม่ได้เจอกันหลายวันดูจะเย็นผิดปกติยังไงชอบกล แค่แตะลงไปเท่านั้นผมยังขนลุกซู่ วนนิ้วอยู่สองสามครั้งก่อนจะค่อยๆสอดนิ้วแรกเข้าไป
               
               “อื้ออ…”
               จริงๆนิ้วตัวเองเนี่ย มันไม่ควรจะรู้สึกอะไรนะคุณ ผมก็เคยไม่รู้สึก แต่แบบ.. ไม่ได้ทำนานมั้ง แถมยังมีอะไรมาล่อหูล่อตาอยู่ใกล้ๆแบบนี้เลยเซนซิทีฟเป็นพิเศษ แค่ข้อนิ้วเดียวผมก็หายใจขัดแล้ว และยิ่งดันเข้าลึก พร้อมกับภาพร่างกายของคนตรงหน้า..ที่ก็รู้ว่าเดี๋ยวมันจะต้องเข้ามาตรงไหนในตัวผมบ้าง จินตนาการก็พาเอาอารมณ์พุ่งสูง ก้มลงแตะปลายลิ้นกับส่วนร้อนผ่าวนั้นอีกครั้งพลางขยับนิ้วให้เข้าไปลึกยิ่งขึ้น
   
               “อึ่ก…!”
               ตอนนี้สารภาพว่ามาร์คจะตื่นหรือไม่ตื่นก็ช่างมันแล้ว ความหงุดหงิดที่ร่างกายปรับสภาพได้ช้าและกระตุ้นได้ง่ายกว่าเดิมทำให้ผมเริ่มจะหมดความอดทน เริ่มเข้าใจแล้วว่าเวลาไปทำกับคนอื่นแล้วอีกฝ่ายดันแน่นจนใส่ไม่ได้เนี่ยสาเหตุเป็นเพราะมันบังคับไม่ได้ไม่ใช่เล่นตัว ใจผมนี่อยากจะขยับขึ้นคร่อมมันให้เสร็จๆไปแทบตาย แต่เพราะตรงนั้นที่แค่สองนิ้วก็ทำเอาผมเจ็บหน่วงไปหมดทำให้รู้ตัวว่าถ้าขืนจะดื้อทำได้เลือดสาดแน่ๆจึงทำให้ยังต้องอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้
     
               ...แม่ง ทำไมตอนมาร์คทำมันไม่เห็นยากเลยวะ?


               พอคิดแล้วก็หงุดหงิด ก่อนจะดึงนิ้วออก ยันตัวขึ้นก่อนจะย้ายตัวเองขึ้นไปนั่งทับบนขาอีกคนอย่างไม่ออมแรง แหกปากเสียงดังแบบที่ว่าถ้าไปทำตอนอยู่คอนโดคงโดนห้องข้างๆเขียนคอมเพลนมาเสียบใต้ประตู


               “มาร์ค!!! ตื่น!!!”











               “อะ..อื้อ..ดี..”
               
               “พอยัง?”
               
               “ยะ..ยัง… เอาอีก..”
               
               “...เอาแต่ใจ”


               คำบ่นที่มาพร้อมกับการกระแทกเข้าลึกจนผมรู้สึกได้ว่ามันแทบจะเข้าไปจนสุดทางทำเอาร้อนวาบไปทั้งตัว และยิ่งมันเบียดเน้นอยู่ตรงนั้นเพราะเอวของอีกคนยังคงแช่ค้าง มือขยำตรงสะโพกผมพร้อมกับบังคับให้โยกวนไปมานั่นยิ่งรู้สึกดีจนแทบจะครางออกมาดังๆ มือเกาะเกี่ยวต้นคอมาร์คเอาไว้แน่น ปล่อยให้อีกคนบังคับเอวให้ขยับซ้ายทีขวาทีอย่างว่าง่าย ผ้าปูเตียงที่รองหลังผมอยู่คงยับยู่ยี่ไปแล้วมั้ง
     
               ...ถ้ารู้ว่ามันทำให้จะง่ายกว่า และดีกว่าขนาดนี้ ผมปลุกมันตั้งนานแล้ว

               “มาร์ค...แรงอีก..”     
               “ไม่..” คำปฏิเสธทันควันนั่นทำเอาผมขำแทนที่จะหงุดหงิด ไหนจะหัวฟูๆ หน้ายุ่งๆนั่นอีก ตลกเป็นบ้า “..อืมมม อย่าหัวเราะ มันแน่น…”
     
               “ง่วงมากเลย?” แน่ล่ะว่าผมยังไม่หยุดขำ ประคองหน้าคนอดนอน แถมยังโดนกวนระหว่างหลับให้เข้ามาใกล้ๆ จูบเบาๆที่ปลายจมูก
               “ให้ขยับแทนมะ?”
   

               ผมสีเทาซีดที่เพิ่งไปเติมสีมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนส่ายสะบัดไปมา ก้มหน้าลงมาจูบหน้าผากผมกลับ ชินแล้วกับสัมผัสแบบนี้.. เลิกเขินไปได้พักใหญ่ๆแล้วล่ะเพราะมันจูบจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา
               แต่แน่นอนว่าถ้ามันไม่ทำ ให้ตายผมก็ไม่ยอมให้มันลุกจากที่นอนไปไหน
               
               “อยากทำ..แต่ง่วง..” เสียงที่ไม่ปิดบังความง่วงนั่นแม้แต่น้อยทำเอาผมขำพรืด ตวัดขาเกี่ยวเอวผอมๆนั่นเอาไว้ การขยับขาขึ้นทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวขึ้นกว่าเดิมจนมันซี้ดปากคราง “อา..แจ็คสัน..”

   
               ผมหัวเราะคิกคักกับปฏิกิริยาตอบสนองที่ตรงไปตรงมาเหลือเกินของอีกคน.. หมายถึงทั้งข้างบนและข้างล่างน่ะนะ แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ผมจะต้องหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ ต่อให้มาร์คมันจะบ่นยังไง แต่ผมก็ยังไล้มือไปตามแผ่นหลังกว้าง ลูบเบาๆลงมาตรงช่วงเอว ไล้นิ้วผ่านลอนคลื่นแข็งๆที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ตอนไหนเพราะไม่เคยเห็นอีกคนเล่นกล้ามมาก่อน มันไม่ได้ชัดเจนเหมือนคนเข้าฟิตเนสหรอก แต่ความแน่นของมันก็ขยำเพลินดีไม่เลว และเมื่อผมลูบลงต่ำลงไปที่เชิงกรานสวยๆนั้น มาร์คก็กระตุกเกร็งขึ้นมาในทันที
     
               “หายง่วงยัง?”
     
               ผมยักคิ้ว ขาที่เกี่ยวอยู่ข้างหลังก็รัดตัวมันเข้ามาชิดซ้ำอีกครั้ง ปล่อยให้อีกคนบดร่างลงมาในจุดที่ชอบจนต้องครางหวิว ในขณะที่มาร์คมันสบถอะไรบางอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจฟัง แขนผอมแต่แข็งแรงคร่อมทับลงมาตรงไหล่ พร้อมกับขาผมที่ข้างหนึ่งถูกยกขึ้นพาดกับบ่ามันแทนที่จะเป็นเอว


               ...หลังจากนั้นคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มแล้วมั้งครับ?






-----------------------------------------------------------------------------------------






               “กินข้าวดิ ซื้อมาให้แล้ว” ผมนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียงของเรา ควีนไซส์ตัวเดิมที่ซื้อตั้งแต่ตอนอยู่คอนโดนั่นแหละ มาร์คยังคงนอนกอดเอวผมหลวมๆ ซุกหน้าลงกับคอพลางจูบเบาๆอย่างที่มันชอบทำ “ร้านที่มาร์คชอบด้วยนะ เย็นหมดแล้วมั้งเนี่ย เอาเข้าไมโครเวฟก่อนกินด้วยนะ”
     
               ผมได้ยินมาร์คมันหาวเบาๆ บ่นพึมพำทั้งที่ปากยังแตะอยู่แถวๆต้นคอจนจั้กจี้ “ทำให้หน่อยดิ”
     
               “ซื้อก็ซื้อให้แล้ว ต้องจัดจานให้อีกว่างั้น? เอาอะไรอีกมั้ย”
     
               “ป้อนด้วยก็ได้ กำลังขี้เกียจเลย”


                ชีวิตนี้เข้าใจคำว่าประชดไหมมาร์ค? หรือเข้าใจแล้วตีมึน?
               ผมถอนหายใจยาวๆ ช่างแม่งกับเรื่องกินของมันแล้ว ถ้าจะไม่ยอมไปกินผมก็เหนื่อยจะบังคับมัน วันนี้ที่ทำงานก็บ้าบอคอแตก ยิ่งกลับมาใช้แรงงานที่บ้านติดๆกันอีกสองรอบก็หมดแรงเป็นเหมือนกัน ซุกตัวเข้ากับไหล่มันแล้วตั้งท่าจะหลับเอาแรงสักงีบ ดึกๆค่อยตื่นมาอาบน้ำ

               “อ้าว.. จะหลับแล้ว?”
               ผมพยักหน้ากับคำถามนั้น ไถหัวตัวเองกับไหล่เปลือยแข็งๆของอีกคน
               “อาบน้ำก่อนมั้ยล่ะ จะได้นอนยาวๆ”
     
               ผมปฏิเสธข้อเสนอนั้นด้วยการสั่นหน้าเบาๆ ก่อนที่มาร์คจะหัวเราะ บ่นพึมพำว่า ‘เน่า’ หรืออะไรทำนองนั้นนี่แหละ แต่แน่นอนว่าผมไม่สนใจหรอก ถึงจะเน่ายังไงมันก็กอดผมแน่นขนาดนี้ แถมจูบจนตัวจะลายหมดแล้ว ใครจะแคร์ล่ะกะอีแค่คำบ่น


               ผมถอนหายใจยาวอีกครั้ง ซุกหน้าลงกับผิวเนื้ออุ่นๆที่.. ก็ไม่ได้เพิ่งจะรู้นะว่ามันอุ่น รู้มานานแล้ว สบายใจดีเป็นบ้าเวลาที่แตะลงไปแล้วได้กลิ่นน้ำหอมจางๆกับอุณหภูมิพอดีๆที่ไม่ทำให้ร้อนหรืออึดอัดเกินไป ชักชวนให้ขยับตัวเข้าชิดแม้จะรู้ว่าทั้งบนทั้งล่างเราไม่มีแม้กระทั่งเสื้อผ้าสักชิ้นสวมเอาไว้
     
               “มาร์ค..”
               ผมเรียกเบาๆ ย้อนคิดถึงสองสามคืนก่อนที่ผมตื่นขึ้นมากลางดึก เนื่องจากอยู่ๆก็รู้สึกหนาวขึ้นมาเพราะคนแถวนี้ลุกไปทำงาน ทำให้การพักผ่อนไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร
     
               จริงๆเตียงนี้ผมยังไม่ค่อยคุ้น ฟูกนอนที่มาร์คชอบมันนิ่มไปสำหรับผม หมอนยางพาราที่แม่ให้มาก็ไม่ค่อยเข้ากับคอ แต่กระนั้นผมไม่ได้เกลียดมัน แค่ไม่คุ้นเคย และต้องการเวลาในการปรับตัวเพิ่ม นั่นอาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ผมตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยเหมือนกัน
               เพราะฉะนั้น..

               “คืนนี้.. ห้ามลุกไปไหนทั้งนั้น”
               “จะนอน เข้าใจป่ะ?”

               เสียงหัวเราะเบาๆของมาร์คทำให้ผมขยับหัวโขกไหล่มันไปเบาๆทีหนึ่ง ก่อนที่มันจะรับปากเสียหวานเลี่ยน จูบที่หน้าผากซ้ำอีกครั้งพร้อมกับแรงบีบเบาๆที่ก้นจนต้องตีมือห้ามไม่ให้มันซนไปมากกว่านี้



               ก่อนที่ผมจะตื่นขึ้นมาตอน 11 โมงของอีกวัน โดยที่แขนของเฮ้าส์เมทยังคงพาดอยู่บนตัวผมอย่างที่มันเป็นเมื่อคืน








การนอนเตียงเดียวกันสำหรับเราไม่ใช่เรื่องใหม่
     
ไม่รู้ว่าเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆที่สนิทกันจะเป็นเหมือนกันไหม แต่สำหรับผมมันปกติมากๆถ้าจะนอนกับมาร์ค
     
เพราะจากปากคำของม๊าผม แกยืนยันว่า เรานอนด้วยกันมาตั้งแต่เกิดแล้ว




และอาจจะเป็นเพราะสาเหตุนั้นก็ได้..
     
ไม่ว่าเตียงจะแคบ ผ้าห่มบาง หมอนไม่พอดีคอ หรือว่าฟูกนิ่มเกินไปก็ไม่เป็นปัญหาใหญ่เท่าไหร่..
     
แต่ถ้าไม่มีมาร์ค…



นั่นล่ะเรื่องใหญ่







Comments