SINGLE DAD #2



SINGLE DAD #2



            “ป๊า?” 



            ขาท้วง เสียงดูไม่เข้าใจมากกว่าขัดใจ แต่ผมก็คิดจะตอบอะไรมากไปกว่าการกระซิบให้อีกฝ่ายเงียบ สอดนิ้วมือเข้าใต้บอกเซอร์ผืนบางพลางขยับมือเป็นจังหวะ ช้าแต่หนักแน่น ซึ่งเขาก็น่าจะชอบมันอยู่บ้างล่ะ มาร์คถึงได้พ่นลมหายใจร้อนๆใส่อกผมแรงๆแบบนั้น

            ผมตั้งใจบดนิ้วโป้งลงบนจุดที่ไวสัมผัสที่สุดซ้ำๆ เรียกของเหลวลื่นๆปริมาณไม่มากออกมาพอแค่ให้การขยับไม่ติดขัด อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นจากสิ่งในมือเริ่มทำให้เด็กน้อยของผมอยู่ไม่นิ่ง มือไม้พยายามจะสอดเข้ามาใต้เสื้อผ้าผมกลับบ้าง แต่เมื่อผมขยับตัวถอยห่าง คิ้วนั่นก็ขมวดด้วยความไม่เข้าใจอีกครั้ง ปากอ้าค้างเหมือนเตรียมจะพูดอะไรสักอย่างจนต้องรีบแตะปลายนิ้วลงไปเป็นสัญญาณให้เงียบ



            “ชู่ว..” 

            ผมอมยิ้มกับท่าทางที่แสนจะน่าเอ็นดูของเด็กน้อยตรงหน้า ขยับพลิกขึ้นทาบทับบนตัวอีกฝ่าย ก่อนจะขึ้นไปนั่งอยู่ตรงต้นขาเพรียว มือข้างหนึ่งสานต่อกิจกรรมเมื่อครู่ให้มาร์ค อีกมือหนึ่งก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกเท่าที่ความเร็วของมือข้างเดียวจะทำได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงรุ่ยร่ายอยู่บนตัวไม่ยอมหลุดออกไป เช่นเดียวกับซิปกางเกงที่ถูกรูดลงจนสุด แต่ไม่สามารถถอดออกจากสะโพกได้ เนื่องจากกิจกรรมที่ทำอยู่นั้น ไม่ว่างให้ผมใช้มือเข้าจัดการเลยจริงๆ

            และด้วยเหตุนั้นกระมัง มือของมาร์คที่นิ่งสงบมาพักหนึ่งถึงอาสาที่จะทำมันแทนให้อย่างใจดี – และออกจะเกินจำเป็นไปด้วยซ้ำ ในเมื่อเขาดึงกางเกงผมลงไปถึงต้นขา แถมยังบีบเน้นๆที่สะโพกย้ำอีกสองสามที ในขณะที่ยันตัวขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนพิงกับหัวเตียงตรงหน้า
     

            สายตาวิบวับที่มองมาจากข้างล่างนั่น.. บอกได้เกินพอว่าความกังวลนั้นถูกโยนทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว





     

คืนนี้น่าจะเป็นคืนที่เงียบที่สุดของเรา แน่ล่ะ มันคงไม่ดีนักหากแม่ผมจะได้ยินเสียงพื้นเตียงขยับเคลื่อนไปมาอย่างรุนแรงเหมือนทุกครั้ง ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเป็นคนควบคุมจังหวะเสียเอง มือวางประสานอยู่บนไหล่ของมาร์ค ในขณะที่ยกสะโพกขึ้นสูง และกดตัวลงมาอย่างช้าๆจนกระทั่งผมกลับมานั่งลงบนต้นขาของมาร์คได้อีกครั้ง 

“ชู่ว..” 


     
คราวนี้เป็นมาร์คแล้วที่ทำเสียงแบบนี้กับผม แต่มันก็ยากเหลือเกิน ในเมื่อสัมผัสที่เสียดสีอยู่ข้างในนั้นเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาได้ ความร้อนที่วูบลึกขึ้นมาทุกการขยับตัวทำให้ผมกลั้นไม่อยู่จนต้องปิดปากตัวเองเอาไว้ ซึ่งก็ทำได้เพียงครู่เดียวเท่านั้นเพราะมาร์คดึงมันออก และบังคับให้ผมตรึงแขนไว้กับไหล่เขา ขยับสะโพกบดเข้ามาจนอึดอัดไปหมด 


     
ทุกอย่างตรงข้ามกับสิ่งที่เราทำเป็นปกติ แช่มช้าอ่อนโยน แต่ในขณะเดียวกันก็ลึกอย่างถึงใจเสียทุกครั้ง ยอมรับว่าผมชักจะชอบจังหวะแบบนี้เข้าให้แล้วสิ





            “ถ้าทำแบบนี้...รู้ใช่มั้ยครับว่าจะเสียงดัง” 

            เด็กน้อยตรงหน้ากระซิบถาม ลมหายใจอุ่นพรูรดอกเมื่อผมเริ่มยกตัวขึ้นอีกครั้ง “ป๊าไหวใช่มั้ย?”


     
ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไปในทันทีเพราะกำลังใช้สมาธิไปกับการกลั้นเสียงที่จะหลุดรอดออกมาจากปาก สัมผัสเปียกแฉะบนอกนั่นทำให้ผมร้อนไปทั้งตัว ไม่รู้ทำไม แต่ตรงนั้นมันรู้สึกเร็วกว่าที่อื่น ยิ่งมาร์ครุนแรงกับมันจนเกิดเสียง ร่างกายผมก็แทบจะไหม้ด้วยความร้อนแรงที่ส่งผ่านมา เกร็งสะท้านไปหมดทุกส่วน ในขณะริมฝีปากนั้นย้ายไปที่อีกฝั่ง ดูดกลืนเนื้อหนังตรงนั้นราวกับอดอยาก ทั้งที่เมื่อวานก็เพิ่งทำไปหยกๆ ทิ้งจังหวะให้เค้นเสียงตอบกระท่อนกระแท่นอย่างยากเย็น


     
“ถ-ถ้าไม่ไหว..แล้ว มาร์ค อื้อ..”

“มาร์ค จ-จะทำยังไง”


     
สายตาที่บ่งบอกถึงความลังเลของเด็กน้อยตรงหน้าทำเอาผมหลุดขำ อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปหอมหน้าผากนั่นซ้ำอีกครั้งด้วยความเอ็นดู ก่อนที่ผมจะขยับตัวพลิกหันหลัง คว่ำหน้าลงกับหมอนใบโตที่จะถูกใช้แทนอุปกรณ์ซับเสียงในอีกไม่ช้า 


     
มาร์คขยับตัวเข้ามาซ้อนหลังอย่างรู้งาน – และออกจะรีบร้อนนิดหน่อยด้วยซ้ำจากการที่ใส่เข้ามาจนสุดความยาวในครั้งเดียว ฝ่ามือตรึงอยู่กับสะโพกและบั้นเอวของผม ทั้งหมดนั่นทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังจะเอาจริง

     
และเพราะแบบนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องกำชับเอาไว้ล่วงหน้า เพราะผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสได้พูดเป็นคำหลังจากนี้อีกหรือไม่ มือกำหมอนแน่นแทนสิ่งยึดเหนี่ยว หันไปกระซิบบอกเด็กน้อยข้างหลังเสียงพร่า




“...ช้าๆนะ”



“ถ้าเตียงสั่นมาก.. คุณย่าจะตื่นเอา”



----------------------------------------




Comments