BED FRIEND : 015



015


ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยอินไปกับบรรยากาศ
     
ไม่ว่าจะเทศกาล หนัง เพลง หนังสือ บทกวี ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการชักจูงผมเท่าไหร่
     
แต่มันมีอยู่อย่างหนึ่ง.. ไม่สิ คนหนึ่ง ที่พอจะประสบความสำเร็จในการกระทำดังกล่าว




               “มาร์ค พอ…”
               
               มือที่ดันหัวผมออกอย่างไม่จริงจังนักพร้อมเสียงบ่นอุบไม่ได้ช่วยให้ผมหยุดการกระทำที่มีอยู่เท่าไหร่ ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่ค่อยจะมีแรงห้ามเพราะกำลังเคลิ้ม ทำไมผมจะต้องฟังด้วยล่ะ?


               รอยจูบ..น่าจะรอยที่สองร้อยได้แล้วเพิ่มขึ้นอีกจุดบนอก ผมชอบที่จะกัดบ้างดูดบ้างแบบนี้แหละครับระหว่างที่เราพักยก รอให้แจ็คสันมันมีแรงขึ้นมาค่อยต่ออีกรอบ
     
               แต่วันนี้คงไม่มีอีกรอบแล้วมั้ง เมื่อคืนก็ทำ ตอนเช้าก็ทำ บ่ายๆยังทำอีกรอบ ถ้าผมจะทำต่อมันคงได้ถีบผมแหง

               “ฮื่ออ..”
               เสียงครวญในคอเบาๆเวลาที่ผมหยอกเล่นกับยอดอกนิ่มที่ช้ำแดงและเซนซิทีฟขึ้นกว่าเดิมเยอะเพราะโดนทั้งกัดทั้งบีบมาตลอดวันทำให้ผมอดไม่ได้ที่ดูดมันซ้ำแรงๆอีกครั้งจนอีกคนดิ้นพล่าน ยกขาถีบไปมา ไม่รู้เพราะขัดใจหรือเสียวกันแน่ แต่ผมว่าอันหลัง คุณเชื่อผมมั้ย?
     
               “ลงเล่นน้ำไม่ได้แล้วเนี่ย.. รอยเยอะขนาดนี้”
     
               “ก็เล่นไปสิ ใครห้าม?”
     
               “ตลกล่ะ คนมองกันหมดพอดี”

               ผมหัวเราะกับท่าทางโมโหจนปากยู่ของมัน โดนจูบจนจะช้ำแล้วแท้ๆ ยังจะทำปากแบบนั้นได้อีก ผมล่ะเชื่อเลย.. แต่เห็นแก่การเป็นอยู่ของเพื่อนหรอกนะครับ จึงเลิกยุ่งกับอกมันตามที่ขอก็ได้…
               
               ...และเปลี่ยนมากัดเบาๆที่ซอกขาแทน

     
               ผมเป็นคนดีใช่มั้ยล่ะ?

     
               เสียงครางแผ่วหวิวทุกครั้งที่ผมจูบเข้าให้ที่ต้นขาแน่นๆด้านใน ผมไม่มีเนื้อหนังมากอย่างแจ็คสันมันหรอก เลยไม่รู้ว่าเวลาที่มีกล้ามเนื้อตึงๆแบบนี้แปะติดบนตัวจะรู้สึกยังไง แต่ที่รู้สึกตอนนี้คือ..แม่งกัดเพลินเป็นบ้า ผมชอบมองรอยฟันที่เข้มขึ้น หรือรอยดูดแดงๆที่ปรากฏบนผิวขาวใต้ร่มผ้าที่ไม่เคยโดนแดด เลียซ้ำที่รอยฟันที่เพิ่งทำเมื่อครู่ มือก็จับท่อนขาอวบนั่นแยกออกกว้าง กันไม่ให้มันประทุษร้ายผมด้วยการยกถีบอย่างที่เคยโดนมาในอดีต
               
               “อะ..อาาา..” เสียงแหบแผ่วครวญอยู่ไม่ไกล พร้อมกับอาการเกร็งต้านของอีกฝ่ายที่แทบจะกลายเป็นศูนย์ทำให้ผมขยับเข้าจูบซ้ำบนผิวอ่อนขาวนวลแรงกว่าเดิมจนมันขึ้นรอยเป็นปื้นอีกจุด หน้าแทบจะไถกับอะไรๆที่คุณก็รู้อยู่ว่ามันมีอยู่ตรงนั้น
               
               “มะ..มาร์ค..”
               “มะ..ไม่ใส่..แล้วนะ..”
               
               คนเริ่มหอบเหมือนจะปลงกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ รู้ว่ายังไงก็คงหยุดผมไม่ได้เลยเลือกที่จะต่อรอง และผมก็ไม่ใช่คนพูดยากหรอกครับ พยักหน้าตกลงอย่างว่าง่ายด้วยซ้ำ ก่อนจะทำหน้าที่ของผมต่อไปเพลินๆ ปล่อยให้มือคู่นั่นสอดลูบเข้ามาในเส้นผม กดดึงรั้งให้เข้าหา หรือบางทีก็ร่อนเอวขึ้นมาใกล้ๆอย่างกับจะอ้อนให้ทำตรงนั้นหนักๆเวลาผมจูบไปถูกจุดที่มันชอบ

               สิบห้า.. สิบหก..
               
               ซอกขาขาวเต็มไปด้วยรอยแดง ปกติผมไม่ได้ทำเยอะขนาดนี้หรอก ไม่มีเวลา.. แต่วันนี้พักร้อนนี่ แถมเราก็ไม่ได้รีบไปไหน จะว่าไปตั้งแต่มาที่นี่ทั้งผมทั้งแจ็คสันไม่มีใครแตะมือถือกันสักคน นาฬิกาในห้องเป็นเพียงอย่างเดียวจะจะบ่งบอกว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่ ไม่มีใครนัด ไม่มีงานที่ต้องเคลียร์ ไม่มีลูกน้องที่มาวอแว ไม่มีใครนอกจากเรา
               ..เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง ผมเลยรู้สึกว่าจะทำรอยสักกี่รอยก็ได้ ไม่แน่อาจจะถึงเย็น และตอนออกไปกินข้าวคุณอาจจะได้เห็นแจ็คสันแบบมีรอยทั้งตัวอย่างกับรอยสัก
               ไม่ล้อเล่นนะ ผมพูดจริงๆ

               ถามว่าผมทำแบบนี้กับคู่นอนทุกคนไหมน่ะเหรอ? ไม่หรอก.. อย่างที่บอกแหละ ไม่มีเวลาขนาดนั้น ชีวิตที่นู่นมันรีบเร่งครับ รีบทำ รีบเสร็จ รีบแยกกลับบ้านเพื่อไปทำงานวันรุ่งขึ้น ขนาดว่าค้างคืนกับแฟนยังหายาก เรื่องจะมานั่งทำอะไรแบบนี้ทั้งคืนนี่ฝันเอาได้เลย
     
               “มาร์ค…”
               เสียงเรียกเบาๆทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาจากจุดที่อยู่ แจ็คสันกำลังสไลด์มือถืออยู่ มันคงจะเบื่อล่ะครับ มานอนอ้าขาให้ผมฟัดเล่นแบบนี้คงจะว่างน่าดูจนต้องหาอะไรทำ “ดูสิ เกาหลี..อ๊ะ หิมะ..ตกแล้ว..”
     
               “อืม..” ผมแค่รับคำ ก่อนจะกดจูบลงไปเพิ่มอีกเป็นรอยที่สิบเจ็ด
     

               “ตลกเนาะ ที่นี่… อื้อออ ..ร้อนจะตาย..”
               สิบแปด..

               “ที่นู่น.. มะ..ไม่เลียดิวะ..อ๊ะะ”
               สิบ..เก้า...

               “มะ..มาร์ค...อย่าดูด...อาา”
               “อย่า..ลิ้น...ไม่... เข้ามา อ๊ะ.. ข้างใน…”
     

               รอยที่ยี่สิบยังไม่ทันได้ทำเลย ผมก็โดนผลักออกซะอย่างนั้น เจ้าของมือหอบแฮ่ก มองหน้าผมด้วยตาหรี่ปรือและปากที่ยังเผยอคราง ส่วนผมก็ได้แต่เลียปากปากมองหน้าขาวๆนั่นอย่างท้าทาย เหมือนจะถามว่าจะเอายังไงต่อ
               แจ็คสันยังคงกัดปากเหมือนจะลังเล ส่วนผมก็ยกมือที่ไม่มีความหนักแน่นที่ยันอยู่บนหัวออกไป แตะปลายลิ้นกับช่องทางที่ร้อนแดงเพราะถูกใช้งานมาราธอน ดูดมันเบาๆจนเสียงครางหวานหวิวลอดจากริมฝีปาก ก่อนที่มันจะเปลี่ยนโทนเป็นโหนสูงทันทีที่ผมดันลิ้นเข้าไป ผนังด้านในบีบรัดกระตุกถี่อย่างกับตื่นเต้น สะโพกแน่นกระตุกขึ้นๆลงๆอย่างเรียกร้อง

               “มะ..มาร์ค...พอ”
     
               ผมดันลิ้นเข้าลึกจนปากแทบจะชิดกับส่วนอ่อนนุ่ม ดูดดึงแรงๆซ้ำอีกครั้งเหมือนจะขอคำยืนยันในคำสั่งห้ามที่สั่นไหวเกินกว่าจะเชื่อลง
               แน่นอน แจ็คสันดิ้นพล่าน ตะโกนขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว ดังลั่นจนวิลล่าข้างๆน่าจะได้ยิน


               “ใส่..ใส่…! เข้ามา.. เดี๋ยวนี้..!”


               ก็แค่นั้นแหละ...




-----------------------------------------------------------------------------------------





               ผมว่าเราทำกันบ่อยไปละ..
     
               นับๆดูแล้ว จำนวนรอบที่เราทำตั้งแต่มาเหยียบมัลดีฟได้น่าจะมากกว่ามื้ออาหารที่เรากินเสียด้วยซ้ำมั้ง จะว่าผมเก็บกดก็ไม่น่าจะใช่ เพราะตอนอยู่ที่นู่นก็ไม่เคยขาดมือไม่ว่าจะหญิงหรือชาย แต่ก็ไม่เคยถึงขนาดที่ว่าทำมันเช้า กลางวัน เย็นแบบนี้
               
     
               ยิ่งมองแจ็คสันที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงแล้วก็ยิ่งคิดว่าคงหนักเกินไปจริงๆ ตอนนี้คงไม่มีกระทั่งเสียงที่จะคราง เมื่อกี้ผมก็ล่อไปอีกสองรอบ รวมๆแล้ววันนี้ก็น่าจะเป็นครั้งที่ 4 แต่ถ้านับของเมื่อคืนรวมเข้าไปด้วย.. ผมว่าน่าจะใกล้ 10 เต็มที
               ถ้าเป็นผู้หญิง มันคงท้องไปนานแล้ว


               ผมคว้ากางเกงมาใส่ลวกๆ กะว่าเดี๋ยวก็คงต้องสั่งอาหารอะไรสักสองสามอย่างมาให้ทั้งผมทั้งมันเป็นมื้อเย็น กดเบอร์รูมเซอร์วิสแล้วก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าทำไมผมถึงได้ทำมันทั้งวันอย่างกับตายอดตายอยากมาขนาดนี้
               จะบอกว่าบรรยากาศพาไปก็น่าจะได้ ไม่รู้สิ ตอนอยู่เกาหลีผมก็ไม่เคยรู้สึกว่าเอะอะก็อยากจะจับมันฟัดได้ขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน แต่พอมาอยู่ที่นี่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร ผมก็อยากจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ใกล้ๆทุกที อยากฟัด อยากจูบ อยากทำตัวเป็นเจ้าของมันอย่างที่ไม่เคยจะรู้สึกมาก่อน

               จริงๆก็ไม่เชิงว่าจะไม่เคยรู้สึก... ก็รู้สึกนะ แต่ว่าแค่ไม่เคยแสดงออกชัดเจนขนาดนี้เหมือนกัน ผมว่าผมคุมตัวเองได้ดีกว่านี้ตอนที่เราอยู่เกาหลี แต่พออยู่ที่นี่กันสองคน..มันชักจะคุมยาก อาจจะเป็นเพราะความคิดที่ว่าตอนนี้มีแค่ผมกับมันสองคนก็ได้ที่ทำให้เป็นแบบนั้น..
     
               ไม่ดีเลย.. ไม่ดีเลยจริงๆ
     
               ผมรู้มานานแล้วว่าแจ็คสันไม่ใช่ของผม และไม่ควรเป็นของผมด้วยประการทั้งปวง ความรู้สึกไม่ว่าจะไปไกลแค่ไหนมันก็ควรจะหยุดแค่เพื่อนนั่นแหละดีแล้ว ซึ่งผมก็ยังควบคุมมันได้มาตลอดนะ.. อย่างน้อยผมก็คิดว่าแบบนั้น
               
               แต่พอมันมาชวนผมเที่ยวสองคนแบบนี้ มันก็ชักจะยากแล้ว

     
               ขนาดว่าเมื่อบ่ายยังแอบคิดเลยว่าจะไปเปลี่ยนบรรยากาศกับโจวมี่ดีไหม เผื่อจะได้คิดเรื่องนี้น้อยลงบ้าง แต่พอแจ็คสันพูดออกมาง่ายๆว่า ‘ไม่อยากให้ไป’ ผมก็ไปไหนไม่ได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น..


               บ้าบอชะมัดเลยว่ะมาร์ค ต้วน







               สุดท้ายผมก็จบลงที่การนั่งดูดบุหรี่ตรงสะพาน จุดที่จะลงไปสู่ทะเลที่เรามาเล่นน้ำกันเมื่อเช้า
     
               ทุ่มกว่าแล้ว แจ็คสันยังนอนอยู่ อาหารที่สั่งจะมาส่งราวๆ 2 ทุ่มเพราะผมระบุเวลาไว้ราวๆนั้นเผื่ออีกคนตื่นมาทันกิน ลมทะเลเย็นสดชื่นดีผิดคาด และมันก็ไม่เหนียวตัวแบบทะเลที่มีไอเกลือจัดๆที่อเมริกา ผมเอนหลังพิงประตูกระจกใส พ่นควันบางๆฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ อาศัยความเย็นจัดของมินท์และลมกลางคืนช่วยดึงสติที่เหมือนจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่กลับมาหาตัวเอง

               ถ้ากลับไปได้ ผมน่าจะหาแฟนสักคน
               
               ช่วงที่ผมมีแฟนและแจ็คสันมีแฟนเราไม่ตัวติดกันเท่านี้ ความสัมพันธ์มันก็เลยไม่อันตรายเท่าไหร่ เหตุผลหนึ่งเพราะผมยังพอมีคนที่เอาไว้ถ่ายเทความรู้สึกอย่างความต้องการเป็นเจ้าของ ความต้องการ หรืออะไรอื่นๆไปบ้าง แต่พอไม่มีแล้ว..มันก็จะเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ ควบคุมลำบากทุกที
               ถ้าความรู้สึกพวกนี้มันล้นออกมาจากที่ต้องการจะให้เป็นก็คงไม่ดี..


               ผมอยากเป็นแค่เพื่อนกับแจ็คสันก็พอแล้ว เบสท์เฟรนด์ เซ็กส์เฟรนด์ ผมได้ทั้งหมด ไม่ต้องรักก็ได้ ไม่ต้องห่วงกันก็ได้ ความโรแมนติคหรือสายสัมพันธ์ทางอารมณ์นั่นไม่จำเป็น ไม่ต้องมีสถานะเพิ่มเติมอะไรระหว่างเรา
               
               เราจะเป็นเพื่อน และจะเป็นแค่เพื่อนไปเรื่อยๆ ผมโอเค
     
               จนกว่าแจ็คสันจะมีใครสักคนที่เลือกว่าจะอยู่ด้วย.. และถ้าวันนั้นมาถึง ผมก็จะอยู่แบบนี้ อาจจะวันไนท์แสตนด์ไปจนเบื่อ หรือว่ามีแฟนที่คบกันสัก 2-3 เดือนเป็นช่วงๆ ถ้าแจ็คสันให้ไปรับผมก็จะไป ถ้าอยากให้อยู่ด้วย ผมก็จะอยู่ หรือถ้ามันเกิดเลิกกับใครคนนั้นขึ้นมา ผมก็จะไปหา
     
               ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะได้ไม่เสียมันไป...



               ...แต่นั่นก็แค่สิ่งที่ผมคิด ของจริงมันง่ายอย่างนั้นที่ไหน...?  
               
               แจ็คสันเป็นบุคคลอันตรายกับชีวิตผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ยิ่งช่วงที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ยิ่งอันตรายไปใหญ่ ขนาดพยายามยั้งๆไว้บ้างแล้วแต่ก็ยังเผลอทำไปหลายอย่าง กลัวเหลือเกินว่าจะหลุดปากหรือหน้ามืดทำอะไรลงไป ยิ่งวันที่เมานั่นด้วยแล้ว ผมภาวนาสุดชีวิตให้ตัวเองไม่พูดอะไรแปลกๆ โชคดีที่แจ็คสันตื่นมาแล้วยังมีท่าทีเหมือนเดิม แสดงว่าทุกอย่างยังอยู่กับที่กับทางที่อยากจะให้เป็น


               “มาร์ค…”
     
               กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ เสียงแหบๆกับเสียงประตูเลื่อนที่ตามมาด้วยเสียงลากผ้าห่มแสกสากมาเป็นทางก็ดังขึ้นจากข้างหลัง รูมเมทผม...ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดี แต่มันค่อยๆยันตัวเองด้วยแขนจากพื้นทั้งที่ยังนอนขด ไถลลากทั้งตัวเองทั้งผ้าห่มมาเป็นก้อนจนออกมานอกระเบียงได้ ทิ้งตัวลงบนตักผมดังตุ้บ
               อารมณ์เครียดๆเมื่อครู่ก็พลันเปลี่ยนไปในทันทีที่มีน้ำหนักเพิ่มบนขา ไม่รู้เพราะอะไรอีกเหมือนกัน..
     
               “...หิว”
               ..เอากับมันสิ ตื่นได้ก็บ่นเลย เพื่อนใครวะ
     
               “สั่งข้าวให้แล้ว เดี๋ยวมาส่ง” ผมตอบไปตามตรง หัวกลมๆบนตักนั่นถึงได้ผงกไถกับขาสองสามที
     

               “ปวดก้น”
               “เหนียวตัวด้วย”
               “อาบน้ำให้เลยนะ ไม่ลุกแล้ว”
     
               “ให้เอาออกให้ด้วยมั้ย?”
     
               ผมถามกึ่งจริงกึ่งหยอก ปกติแจ็คสันมันไม่ยอมหรอกครับ ทำเองทั้งนั้น แต่วันนี้มาอารมณ์ไหนไม่รู้ดันพยักหน้าเฉยจนผมตกใจ ต้องถามย้ำอีกรอบ
               “เอาจริง?”
     
               “เอาออกอย่างเดียว ห้ามทำอย่างอื่น”

               นิ้วป้อมๆที่ชี้คาดโทษกับตาที่ยังไม่ลืมดีนั่นน่ากลัวตายเลย.. ไหนจะปากบวมๆนั่นอีก ขำจนไม่รู้จะขำยังไงแล้วเนี่ย

               ...แต่ถามว่าทำไหม

               ก็ทำอยู่ดีแหละครับ







ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยอินไปกับบรรยากาศ
     
ไม่ว่าจะเทศกาล หนัง เพลง หนังสือ บทกวี ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการชักจูงผมเท่าไหร่
     
แต่มันมีอยู่อย่างหนึ่ง.. ไม่สิ คนหนึ่ง ที่พอจะประสบความสำเร็จในการกระทำดังกล่าว


ไม่รู้ว่ามันใช้วิธีอะไรเหมือนกัน แต่แค่อีกฝ่ายเขยิบเข้ามาใกล้ๆเท่านั้น
     
ผมก็ยอมปล่อยอารมณ์ให้มันลากจูงไปเรื่อย หัวเราะ ยิ้ม เศร้าไปตามที่อีกฝ่ายอยากให้เป็นอย่างกับสั่งได้
ทั้งที่ปกติด้านชากับทุกอย่างแท้ๆ


…น่ากลัวกว่านิวเคลียร์ก็แจ็คสันหวังนี่แหละ







-----------------------------------------------------------------------------------------






"วันนี้มาอารมณ์ไหนอีกล่ะ?"

"คูลๆเข้มๆไง! ดูหน้าดิ คาบบุหรี่ด้วยเนี่ย ลุคแบดบอยจะตายไป"


"...นั่นมันอมยิ้มมั้ยล่ะแจ็คสัน"




#มสเพื่อนร่วมเตียง

LI5HT

Comments