ROOT E
มาร์ค (Bed Friend) x เจย์ (P.B.B.)
วันศุกร์สิ้นเดือน...
วันที่ถนนทุกสายจะคลาคล่ำไปด้วยรถ
ร้านอาหารทุกร้านเต็ม ห้างสรรพสินค้ามีลูกค้ามากกว่าปกติ
รวมไปถึงสถานที่ยามราตรีที่จะคึกคักกว่าเดิมหลายเท่า แต่ทั้งหมดนั้นก็ยังไม่สามารถทำให้คนที่เกลียดรถติดอย่างที่สุดขยับตัวออกจากเก้าอี้ของตัวเองได้แต่อย่างใด
หนำซ้ำยังรับทำโอทีถึงสองทุ่มครึ่งด้วยอีกต่างหาก...
เหลือบมองไปที่นาฬิกา
ตอนนี้เลยเวลาโอทีมาเกือบยี่สิบนาทีแล้ว จริงๆเขาควรจะรีบกลับ...
แต่พอคิดอีกทีเขาเองก็ไม่ได้มีแผนอะไรนอกจากนอนดูหนัง หน้าจอสีฟ้าเพียงหนึ่งเดียวในแผนกไอทีนั่นถึงยังไม่ยอมดับลงเสียที
เข็มสั้นเดินมาจนถึงเลขเก้า ยามประจำชั้นเดินวนมาดูเป็นรอบที่สาม
ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มตัดสินใจได้ว่าเขาควรกลับเสียที มือหนึ่งโกยข้าวของที่อยู่บนโต๊ะไปพร้อมๆกับกดปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
กำลังจะสะพายเป้ขึ้นบ่าอยู่รอมร่อ แต่เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาก่อน
เบอร์ที่เขาไม่ได้เห็นมาพักใหญ่โชว์หราบนหน้าจอ
และนั่นก็เรียกเสียงถอนหายใจเบาๆจากเจ้าของเครื่องได้ ทว่าปลายนิ้วก็ยังสไลด์กดรับอย่างเคย
ก่อนที่เสียงแหบๆจากปลายสายจะดังขึ้นเป็นประโยคที่เขาเดาได้
“มาร์ค...”
“วันนี้มานอนเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
ขายาวๆก้าวเข้าไปในโรงแรมหรูระดับห้าดาว
สภาพเสื้อยืดกางเกงยีนส์และเป้ของเขานั้นสุดแสนจะไม่เข้ากันกับสถานที่ แต่กระนั้นพนักงานที่เคาท์เตอร์ก็ได้รับการอบรมมาดีพอที่จะต้อนรับเขาอย่างสุภาพ
“ที่จองเอาไว้ครับ.. ชื่อมาร์ค”
พูดไปมือก็กดเลื่อนมือถือหาใบเสร็จรับรองการจองที่ปลายสายเพิ่งส่งให้
แน่ล่ะ การจองโรงแรมในชื่อเขาที่เป็นคนธรรมดาน่ะง่ายกว่าอีกฝ่ายหลายเท่า เพียงแค่จัดการส่งหลักฐานบุ๊คกิ้งมาเท่านั้น
ชายหนุ่มที่ดูไม่น่าจะมีเงินขนาดนั้นก็ได้กุญแจห้องสวีทชั้นหรูมาครอบครอง
สายตาของพนักงานในห้องโถงเกือบครึ่งเปลี่ยนไปจากเดิมในตอนที่พนักงานต้อนรับพาเขาขึ้นลิฟต์วีไอพีที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งไป
น่าเสียดายที่เบลบอยจำนวนมากขาดโอกาสในการได้รับทิปไปอย่างสิ้นเชิง
เพราะสัมภาระของเขาก็มีแค่เป้นี่เท่านั้น
มาร์คหย่อนตัวลงบนที่นอนหนานุ่ม
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกรดสุดยอดอยู่แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถทำให้คนที่ทิ้งตัวลงแสดงสีหน้าพอใจออกมาได้ เขารู้สึกว่ามันว่างเปล่าน่าเบื่อสิ้นดีที่ต้องมาอยู่ในห้องแบบนี้โดยไม่มีเป้าหมาย
ตั้งแต่เข้ามาได้ก็แค่โยนกระเป๋าทิ้งไว้บนโต๊ะ อาบน้ำ แล้วก็กลับมานอนเปื่อยบนเตียงอย่างไม่มีอะไรทำ
นอกจากมีที่ในนอนเพิ่มขึ้นมา
เขาก็ไม่รู้แล้วว่ามันต่างจากบริษัทตรงไหน
คิดไปก็เงยหน้ามองนาฬิกาบนผนัง
ตอนนี้ก็เกือบห้าทุ่มแล้ว...
จะมากี่โมงนะ..?
“...อืม”
เสียงแหบทุ้มพึมพำเบาๆเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างบนหน้าแผ่วๆจนจักจี้
เปลือกตากระพริบช้าๆในขณะที่พยายามยกตัวขึ้นเล็กน้อยเหมือนจะนั่ง แต่เมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่ทับลงมาเพิ่มบนอกก็เลิกพยายาม
ทิ้งตัวลงนอนราบกับที่นอนอย่างเดิม มีเพียงฝ่ามือเท่านั้นที่เอื้อมขึ้นลูบปอยผมสีน้ำตาลนุ่มออกจากใบหน้าขาวๆที่เอาแต่ไล่จูบเขาไปทั่ว
ตาคู่คมเหลือบไปมองนาฬิกาเรือนเดิมบนผนัง
เข็มสั้นที่เลยเลขสองมาเกือบครึ่งนั่นทำให้เขาลอบถอนหายใจเบาๆ
“ต้องออกกี่โมง?”
“หกโมง”
“เช้า..” คนที่เพิ่งตื่นส่ายหน้า “อาบน้ำมารึยัง?”
หัวกลมๆที่ส่ายไปมานั่นทำให้เขาถอนหายใจอีกครั้งอย่างไม่ปิดบัง
ฝ่ามือหยาบของคนที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ทุกวันขยี้ผมนิ่มๆนั่นจนฟู “ถ้ายังทำงานแบบนี้
นายจะอยู่ไม่ถึง 40”
“ไปอาบน้ำแล้วก็มานอน ไป”
เจย์ หวัง ยู่หน้าทันทีเมื่อได้ประโยคตัดบทนั้น
แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรในตอนที่ถูกบังคับให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ พร้อมกับฝ่ามือใหญ่ๆที่เอื้อมมารูดซิปแจ็คเก็ตหนังออกให้
ตากลมโตจ้องนิ่งไปที่ใบหน้าหล่อคมที่ไม่ปรากฏอารมณ์ใด แม้ว่าจะถูกเขาทิ้งให้รอถึง
5 ชั่วโมงก็ตาม..
“นี่มาร์ค...”
เขาเรียก ในขณะที่เสื้อยืดตัวเก่งถูกรูดออกไปจากแขน
แน่นอนว่ากางเกงของเขานั่นเป็นเป้าหมายต่อไป “วันนี้...ไม่ไปไหนเหรอ?”
เจ้าของผมสีเทาตรงหน้านิ่งไปนิด ก่อนจะกลับไปก้มหน้าก้มตาปลดกระดุมกางเกงสกินนี่ของเขาตามเดิม “...ทำไม?”
“ไม่ถามย้อนสิ” คนตัวขาวหัวเราะเบาๆ
ยกตัวขึ้นเล็กน้อยพอให้ขอบกางเกงเลื่อนลงจากสะโพก “แค่อยากรู้
...แต่มาร์คก็คงไม่ตอบอยู่ดี”
“ถึงมีก็ไม่เห็นจะเคยฟัง”
“รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”
ซูเปอร์สตาร์หนุ่มอมยิ้มนิดๆ
ไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำตอบที่กึ่งๆจะเป็นการตำหนินั้น... ส่วนหนึ่งเพราะมันเป็นความจริงด้วยน่ะนะ
ผนวกกับใบหน้าที่มีอาการปลงตกอย่างชัดเจนของอีกฝ่ายนั่นเข้าไปอีก... ชายหนุ่มจึงไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มได้เลย
“ผมก็ไม่ว่าอะไรนี่..
ถ้ามาร์คจะไม่ว่าง...บ้าง..”
“น่าเชื่อตายล่ะ”
“จริงๆนะ..” นักร้องหนุ่มหัวเราะเสียงใส
“ผมไม่ว่าอะไรเลย ถ้ามาร์คจะออกไปเที่ยวบ้าง... แต่..”
“...นอนคนเดียวมันก็หนาวนี่นา
มีมาร์คกอดอุ่นกว่าเยอะ”
แววตาคมที่วูบไหวทันทีที่ประโยคนั้นถูกกล่าวออกมาเรียกรอยยิ้มมุมปากของคนที่จ้องมองอย่างตั้งใจได้อีกครั้ง
...เขารู้ มาร์คไม่ได้ใจแข็งเหมือนปากหรอก และถึงหน้าตายๆนั่นจะเรียบนิ่งแค่ไหน...
แต่เขาก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะไม่ได้สังเกตว่าสายตาของอีกคนมันสื่อความไปในทางตรงข้าม
และมันเป็นแบบนั้นทุกครั้ง... ที่เขา ‘อ้อน’
ให้อยู่ด้วย
เขามีคู่นอนเกินสิบ มีแฟนเก่า แฟนใหม่
แฟนลับๆ หรือแม้แต่คนที่เจอกันแค่ครั้งเดียวก็นับไม่ถ้วน
ทุกคนล้วนผ่านมาและผ่านไป... แต่มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้นที่เขาไม่เคยเปลี่ยน
มาร์คเรียกตำแหน่งนี้ว่า ‘หมอนข้าง’
เขาขำแทบตายตอนได้ยินมันครั้งแรก เพราะมันทั้งน่าสงสารและน่ารักในคราวเดียวกัน
ไม่รู้สิ เขาเข้าใจนะว่ามาร์คไม่คิดที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่านี้ ชัดเจนถึงขั้นที่ปฏิเสธการขอคบของเขาด้วยซ้ำ
แต่กระนั้นก็ไม่เคยหายไปไหนสักที ยังคงรับสายทุกครั้งที่เขาโทรหา
มาให้เจอทุกครั้งที่เขาอยากเจอ บ่นบ้าง ดุบ้าง ในตอนที่ทำตัวเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่เคยขัดใจสักที
ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เคยอิดออดหรือเรียกร้องอะไร
ต่อให้จะต้องรอเขาแบบไม่มีจุดหมายเหมือนวันนี้ก็ตาม
ทุกอย่างมันจะเข้าใจได้
หากมาร์คเพียงแต่จะทิ้งๆขว้างๆเขาเสียบ้าง..
แต่เปล่า ตรงข้ามกันเลย
มีแต่เขานี่ล่ะที่ทำ
เขาไม่พร้อมหยุด
และไม่แน่ใจด้วยว่า...หากมาร์คขอให้เขาหยุด
เขาจะทำมันได้ไหม
แต่ทำไมกันนะ...
เขาก็ชอบ หมอนข้าง
ใบนี้ของเขามากเหมือนกัน
มากจน... ไม่อยากยกให้ใครเลย...
ถ้าพูดอะไรที่เอาแต่ใจขนาดนี้ออกไป....
มาร์คจะยังตามใจเขาอยู่ไหมนะ?
#เศษฟิค
Comments
Post a Comment