MA BEAUTY : SIDE STORY : MA HANDSOME III





CUT SCENE


เสียงหอบครางเบาๆของเขาคงเป็นดนตรีที่เพราะที่สุดสำหรับผมแล้วล่ะมั้ง…

ผมอมยิ้มนิดๆ มองคนที่เพิ่งจะทำพรมเลอะ (อีกแล้ว.. แต่สาเหตุคือผม ดังนั้นจะไม่บ่นก็แล้วกัน) ไปเมื่อครู่ที่กำลังนอนหายใจถี่อยู่บนพื้น คราบอะไรอื่นๆยังคงเป็นหลักฐานอยู่บนนิ้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าต้องรีบเช็ดมันออกแต่อย่างใด

...เพราะหลังจากนี้ มันคงจะต้องได้ เปื้อน อีกเยอะ


“ไหวมั้ยครับ?”
ใบหน้าแดงๆนั่นพยักรับนิดๆ เขายังคงไม่ยอมสบตาผมนั่นแหละ แต่ทันทีที่ผมยืดตัวขึ้นไปจูบเขาเบาๆบนขมับ เสียงถอนหายใจอย่างโล่งใจก็ดังขึ้น มือคู่นั้นประคองมือผมข้างหนึ่ง… (ครับ ข้างที่ไม่เปื้อน นั่น น่ะแหละ) ไว้แนบแก้ม หลับตาพริ้มดูน่ารักจนอดจะจูบลงไปซ้ำๆไม่ได้

“อื้อออ.. ช้ำหมดแล้ว..” เสียงประท้วงกับรอยยิ้มเล็กๆนั่นทำให้ผมหยุดไม่ได้หรอกนะ อย่างมากก็ช่วยได้แค่เปลี่ยนจากฟัดแก้มมาเป็นจูบย้ำๆบนปากนิ่มนั่นแทน เสียงหัวเราะคิกคักของเขาที่ดังลอดออกมานั่นน่ารักเป็นบ้า น่ารักจนไม่อยากให้ใครได้ยินมันนอกจากผม…
ซึ่งก็คงเป็นไปไม่ได้อีกนั่นแหละ ผมจึงได้แต่กอดเขาไว้แน่นๆเพื่อทดแทนความรู้สึกข้างในที่แทบอยากจะกลืนเขาลงไปทั้งตัวแทน ในขณะที่คนตัวหอมตรงหน้าตัวเกร็งขึ้นมาทันที หันหลังมาอ้อมแอ้มกระซิบเสียงแผ่ว


“อะ..เอิน..”

ผมเงยหน้าขึ้นจากไหล่อีกฝ่าย มองเสี้ยวหนึ่งของใบหน้าที่ขึ้นสีจนแดงปลั่งกว่าเมื่อกี้ยิ้มๆ ไม่บอกก็รู้ว่าเขาจะพูดอะไร ก็เราเล่นกอดกันแน่นขนาดนี้ อะไรๆที่อยู่ในสภาพพร้อมสมบูรณ์ของผมมันก็คงไปกระทบกระทั่งเขาเข้านั่นแหละครับเจ้าตัวถึงได้พยายามจะบอก แต่ผมอยากได้ยินนี่ เลยแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กระพริบตาใส่พร้อมยิ้มซื่อๆแทน

“มะ..มัน.. เอ่อ..ข้างหลัง...” ...กากานี่กินได้ไหมครับ? ให้ตายสิ ถ้ากินได้ผมก็อยากจะกินเขาเข้าไปทั้งตัวจริงๆ ดูสิครับ ท่าทางเขินอายนั่นน่ารักเป็นบ้า น่ารักได้ขนาดที่ไม่อยากเหลือเผื่อไว้ให้ใครดูจริงๆ “ง่า.. เอินอ่ะ..”

“เอินทำไมเหรอครับ..?” ผมอมยิ้ม ในขณะที่กอดเขาเข้ามาชิดอีกจนตากลมโตนั่นเบิกกว้าง ท่อนขาเปลือยนั่นเกร็งขึ้นมาทันทีที่ผมเบียดร่างเข้าหาจนความร้อนนั่นแทรกเข้าระหว่างความอวบแน่นของสะโพกกลมงอนและกล้ามเนื้อขา และมันก็แนบแน่นเสียจนอดครางไม่ได้

“อื้มมม.. เดี๋ยวก่อนสิ อย่าหุบขา….อะ ..แน่น”
“...รีบเหรอครับ.. หืม?”

“พะ..พี่…อื้อออ เปล่า.. เดี๋ยว..!”
“เอิน.. ไม่เอา! อื้อออ! อย่าขยับ..แบบนั้น..”

มือไม้ที่พยายามเอื้อมมาผลักผมออกสุดชีวิตนั่นไม่ได้ช่วยเหลืออะไร เพราะเมื่อไหร่ที่เขาพยายามถดตัวหนีไปข้างหน้า ผมก็จะดึงเขากลับเข้ามารับการกระทุ้งสะโพกสวนกลับเสียทุกครั้ง ซึ่งนั่นก็ทำให้เสียงครางเครือนั่นครวญแผ่วๆอยู่ในลำคอ และเมื่อผ่านไปได้สักพัก อาการต่อต้านนั่นก็กลายเป็นโอนอ่อนแต่โดยดีเพราะจูบหวานๆและการหยอกล้อบนหน้าอกที่ถูกป้อนตามไป


กากาเลิกเกร็งตัวไปนานแล้ว พร้อมกันกับเนินเนื้อนิ่มที่ขยับไหวเองตามแรงส่งเนิบๆของผม เขาปรือตาลง หอบครางเสียงกระเส่ากับแรงเสียดสีจากข้างหลังที่คง..กระทบกับอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้รู้สึกดีจนลืมไปแล้วว่ากำลังอยู่ในท่าทางที่แสนจะน่าอายแบบนี้ ต้นขาแน่นๆนั่นก็ยังเบียดเข้าหากันอย่างกับไม่ยอมปล่อยให้ผมไปไหน เสียดสีอย่างเร่าร้อนจนไฟแทบลุกให้ได้


สาบานได้ไหมว่าเขาไม่ได้ยั่วอยู่? ทั้งรัดกันแนบแน่น ทั้งขยับไหวเร้าใจขนาดนี้.. ถ้าบอกว่าชอบผมก็เชื่อไปแล้วนะ


ผมยังคงค่อยๆขยับช้าๆอยู่แบบนั้น จริงๆจะทำให้เสร็จทั้งๆแบบนี้ก็ได้หรอก แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าอยากจะใส่เข้าไปแล้วทำจนจบเหมือนกัน ติดอยู่แค่ที่ว่าพรุ่งนี้เขาจะต้องไปหาผมที่โรงเรียน ร่วมกิจกรรมในฐานะผู้ปกครองอีกทั้งวัน ซึ่งถ้าเกิดว่าเขาลุกไม่ขึ้นในวันถัดไปแล้วพลาดโอกาสนี้คงเสียใจมากแหงๆ ดูท่าทางอยากเห็นผมแต่งหญิงจะแย่อยู่แล้วนี่..

แล้วพอคิดถึงไอ้สิ่งที่เขากระดี๊กระด๊าอยากจะเห็นก็.. แอบรู้สึกว่าไม่แฟร์ยังไงชอบกล ก็แต่ไหนแต่ไรก็มีแต่เขานั่นแหละที่เห็นผมในสภาพแบบนั้น รู้หรอกว่ามันไม่ได้แย่ แต่ผมก็ผู้ชาย ยิ่งโตยิ่งไม่ใช่อะไรที่น่ามอง และการโดนบังคับใส่เสื้อผ้าแบบนั้น แถมมีแฟนมาดูยิ่งทำให้รู้สึกแย่เข้าไปใหญ่

แต่ผมรู้ว่ากากาก็ยังอยากเห็น..
อืม…

ช่วยไม่ได้.. คิดซะว่าเป็นการแลกเปลี่ยนก็แล้วกันนะ..




“กากาครับ…”
“วันนี้… ใส่เข้าไปได้รึเปล่า?”

ผมกระซิบเสียงเบา ในขณะที่คนตรงหน้าเองก็สะดุ้งทันทีที่ได้ยิน ตากลมโตนั่นหันมามองผม ก่อนที่มันจะเบิกกว้างขึ้นมาทันที่ทีได้สมองโหลดประโยคคำถามที่ผมกระซิบถามที่ข้างหูเมื่อกี้เข้าไปได้ ริมฝีปากอิ่มอ้าค้าง...ไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือตกใจกันแน่ แต่มันอ้าพะงาบๆอยู่ร่วม 10 วินาที ก่อนที่เสียงที่เกือบจะเป็นการตะโกนนั่นจะดังขึ้น


“...เอิน!!!”

ส่วนผมเหรอ? ยังคงยิ้มซื่อใส่เขานั่นแหละ แต่หน้าตาน่ารักๆที่แดงแปร้ดขึ้นมาอย่างกับสั่งได้นั่นคงไม่เชื่อมันอีกต่อไป คนตัวขาวพลิกตัวเองมาประจันหน้ากัน มองผมอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“มาถามอะไร--- อื้ออออ!!”
แน่นอนว่าผมไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดนานไปกว่านั้นหรอก ไม่งั้นก็คงโดนสวดยาวไปอีกเป็นชั่วโมงแหงๆ.. มือรวบเอาร่างเปล่าเปลือยที่น่ากอดน่าขย้ำไปหมดทั้งตัวเข้ามาชิดและเบียดริมฝีปากลงไป ล่อลวงเขาด้วยจูบนุ่มๆอย่างที่เขาชอบจนตัวอ่อนปวกเปียก เลิกขัดขืนและเกาะกอดไหล่ผมเอาไว้แน่น ก่อนที่ผมจะยอมถอนปากออกเพื่อทวงคำตอบด้วยรอยยิ้มละมุนและเสียงนุ่มๆที่มีไว้เพื่อเขาเท่านั้น


“..คำตอบล่ะครับ?”

“มะ..ไม่รู้!!”

คำตอบที่มาพร้อมกับการก้มหน้าหนีอย่างเอาเป็นเอาตายนั่นน่ารักมากจริงๆ ผมล่ะชอบเหลือเกินเวลาที่เขาเป็นแบบนี้.. แบบที่ว่าต่อให้หน้าตาแทบจะบอกออกมาทั้งหมดอยู่แล้วว่าคิดยังไง แต่ปากก็ยังไม่กล้าพูดยอมรับออกมา มันน่ารักสมกับเป็นกากาดีจะตาย..
น่ารัก..น่าแกล้งสุดๆไปเลยล่ะ


“...กากาไม่อยากให้เอินทำเหรอครับ?”
อืม บางทีเสียงผมเมื่อกี้อาจจะตัดพ้อได้สมจริงไปหน่อยนะ คนแถวนี้ถึงได้เงยหน้าพรวดขึ้นมาแบบนั้น ตากลมโตที่ผมหลงรักมาตั้งแต่เด็กมองช้อนอย่างกังวล ก่อนที่จะส่ายหน้าหวือรัวๆอย่างกับกลัวว่าผมจะไม่เชื่อ

“..ไม่เป็นไรครับ เอินเข้าใจ”
“บางทีกากาอาจจะไม่พร้อม.. ไม่เป็นไรนะครับ เอินรอได้”

ว่าพลางยิ้มนิดๆ.. แน่ล่ะว่าถ้านี่คือแฟนที่น่ารักที่สุดในโลกของผมเนี่ย จะต้องรู้สึกผิดขึ้นมา แล้วก็รีบแก้ตัวว่ามันไม่ใช่อย่างที่ผมเข้าใจ.. นั่นไง เดาผิดที่ไหน? จะมีที่ไม่ตรงอยู่อย่างเดียวก็ตรงที่พลิกตัวขึ้นมาคร่อมกันเอาไว้นี่แหละ


“..คะ..คือ..”

เสียงตะกุกตะกักที่พยายามเค้นออกมานั่นก็ไม่เกินความคาดหมายเท่าไหร่ จริงๆผมก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วล่ะว่าจะให้เขาตอบออกมา รู้ว่ามันก็คงเหนือความสามารถของเขาอยู่พอตัว.. แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมตกใจจนเกือบหลุดทำหน้าเหวอนั่นคือการคว้าเอาขวดเจลหล่อลื่นกับถุงยางอนามัยมาพร้อมๆกัน ก่อนจะเปิดฝา เทพรวดลงมาใส่ตรงนั้นของผมอย่างไม่ปราณีปราศรัยนี่แหละ
ก็อยากจะถามกากาเหมือนกันแหละว่ารีบไปไหน ผมไม่หนีไปไหนเสียหน่อย แล้วพอเทลงมาขนาดนี้ก็เปียกขึ้นมาถึงท้องแล้วมั้ยล่ะ


“เอ่อะ..”
นั่น ยังมีการมากระพริบตาใส่กัน ยังไงล่ะครับที่รัก?

“..พะ..พี่ไม่ได้ตั้งใจ..” เสียงอ้อมแอ้มนั่นมาพร้อมกับการพยายามช้อนตาอ้อนอย่างสุดชีวิต มือยังถือขวดบรรจุของเหลวสีฟ้ากับซองฟอล์ยอยู่ แต่ดูเหมือนเขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัน จึงไม่ได้เอาไปวางไว้ที่ไหนให้เป็นที่เป็นทางเสีย “..เททีนึงมันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”



ความน่าเอ็นดูนั่นทำเอาผมได้แต่ยิ้มขำๆ ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจก่อนจะโอบเขาให้เข้ามาชิด และเมื่อท่อนบนเขาถูกบังคับให้เอนลงมาซบบนอกผม สะโพกงอนๆนั่นก็จะลอยเด่นค้างอยู่โดยอัตโนมัติ ล่อหูล่อตาเหลือเกินจนอดไม่ได้ที่จะยกมือตีเบาๆไปเพราะความหมั่นเขี้ยว

“...ก็ดื้อนี่ครับ”
“อยู่เฉยๆเอินก็ทำให้อยู่แล้วแท้ๆ..”


“ก็..”
“เอินบอก… พี่...”
การพยายามมองหน้าคนที่ซุกตัวอยู่กับไหล่ผมในตอนนี้นี่ยากจริงๆ ยังไงก็ไม่ยอมหันมาท่าเดียวจนผมยอมแพ้ ยอมอยู่นิ่งๆให้กอด ถามทวนประโยคที่ผมได้ยินไม่ชัดซ้ำอีกที


“..ก็..เอินบอกว่า… พี่ไม่--- ฮื่อออ เอิน ไม่ตีดิ..” ดูสิครับ เสียงประท้วงหงุงหงิงนั่นน่ารักจะแย่ แล้วผมจะทำยังไงให้ไม่รังแกเขาอย่างที่ขอล่ะครับทีนี้ “ก็..ไม่ได้.. ไม่อยากให้ทำ..”

“ก็..เลย..จะทำให้..”

“เอ๊ะ?”


ผมนิ่งงันไปชั่วขณะ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนแถวนี้ขยับยันตัวขึ้นจนน้ำหนักที่กดไว้บนอกเริ่มเบาลง และสลับลงมาที่กลางลำตัวแทนที่

สารภาพว่าในตอนนั้น.. ผมแทบจะลืมหายในไปชั่วขณะกับสิ่งที่ได้เห็น และสัมผัสที่ได้รับ



ความร้อนที่เหมือนจะเผากันให้ตายไปข้างหนึ่งที่ค่อยๆกลืนกินผมเข้าไปนั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนตรงหน้าแดงไปทั้งหน้า ทั้งตัว ท่อนขาขาวๆแยกกว้างเพื่อเปิดทางให้มันเข้าไปได้ง่ายขึ้น แต่มันก็สั่นระริกจนดูเหมือนจะเซลงมาได้ในทุกๆวินาทีไม่แพ้แขนที่เท้าคร่อมอยู่บนตัวผม..


ไม่รู้จริงๆว่าไปเรียนรู้วิธีการทำอะไรแบบนี้มาจากไหน ไม่รู้ด้วยว่าทำเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่… หรือจริงๆแล้วกากาทำเป็นทุกอย่าง แต่แค่ไม่บอกผมกันแน่




Comments