MA BEAUTY : - XVI -



:: CUT SCENE ::
- XVI -




               อากาศในห้องเหมือนจะไม่พอหายใจขึ้นมากระทันหัน..
     
               ผมสูดอากาศเข้าปอดครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนว่าในวินาทีนี้ออกซิเจนเท่าไหร่ก็ไม่น่าจะพอต่อการมีชีวิต ใจเต้นถี่รัวจนไม่รู้แล้วว่าเพราะตื่นเต้น หรือหวาดกลัวกันแน่..

               โดยเฉพาะเวลาที่ความเย็นเฉียบของเจลหล่อลื่นนั่นกระทบกับเนื้อหนังข้างล่างของผม


               หยุด ไม่ต้องทำหน้างง
               ผมก็ยังสงสัยว่าตัวเองมาอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไงเหมือนกัน




“กากา..” คนตัวเล็กที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง แน่ล่ะว่าเพราะผมไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นสภาพผมตอนนี้ชัดๆเท่าไหร่เลยเลือกแบบนี้พึมพำเสียงเบา ในขณะที่ปลายนิ้วยังคงนวดคลึงอยู่ตรงบริเวณอันตรายที่ทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้องมาเกือบห้านาทีแล้ว
    
              “เดี๋ยวก่อน.. ยะ..ยังไม่ได้..” ผมรีบห้ามเมื่อสัมผัสจากอีกฝ่ายกดน้ำหนักขึ้นราวกับว่าจะใส่เข้ามาจนเกร็งตัวกระเถิบหนีฝ่ามือนุ่มนิ่มนั่น “อย่าเพิ่ง..ใส่เข้ามา..”


    
              แม่งเอ๊ย..
              
              ถ้าผมย้อนเวลาได้ ผมจะกลับไปตบหัวตัวเองที่เผลอตอบตกลงน้องไปเมื่อกี้แรงๆสักสามที
              เพราะหลังจากที่เอินพยักหน้า เจ้าตัวก็ยื่นเงื่อนไขมาอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมอึ้งแดก
              


              ‘แต่ว่า.. กากาทำเป็นตัวอย่างรอบนึงก่อนได้มั้ยครับ?’


              ‘เอ๊ะ?’
    
              ‘ก็..เอินจะได้รู้ว่าจะเจ็บประมาณไหนไงครับ..’ คนตัวเล็กไม่พูดเปล่า คว้ามือผมไปกุมเอาไว้ด้วยสายตามุ่งมั่น ‘ถ้ากากาทนได้ เอินก็จะพยายามไปด้วยเหมือนกัน ...นะครับ?’


              แล้วยังไง..
              ด้วยความหน้ามืด หวังก็ตกลงไปน่ะสิครับ


              ก็ใครจะไปรู้ว่าเวลาโดนทำเองจริงๆมันจะน่ากลัวขนาดนี้ ไอ้สัมผัสจากมือน้องก็ดีอยู่หรอกนะ แต่พอมันเริ่มย้ายลงมาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแล้วก็อยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆแล้ว ผมไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดอย่างไรดี แต่มันรู้สึกทั้งแปลก ทั้งน่ากลัว เกร็งไปหมดจนไม่เหลืออารมณ์พิสวาสใดๆอีกต่อไป


              ขนาดผมยังไม่รอดแบบนี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าเป็นเอินจะขนาดไหน  
    


              ผมเริ่มเข้าใจอาการกลัวของอีกฝ่ายขึ้นมาทันทีที่เริ่มทำ และรู้เลยว่าผมคิดถึงความรู้สึกของเอินน้อยไป ดีไม่ดีถ้าผมบุ่มบ่ามทำลงไปอีกคนอาจจะเจ็บจนกลัวไม่อยากทำกับผมไปเลยก็ได้ และนั่นก็ค่อนข้างมีความหมายเท่ากับว่า ผมจะมีสภาพเสมือนเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไปตลอดชีวิตตั้งแต่อายุ 19
              ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ผมจะคิดออก


              กลับกัน ถ้าผลตอบรับ(?)วันนี้ดี และผมไม่มีท่าทีเจ็บปวดอะไรมาก นั่นก็คงจะช่วยเสริมความมั่นใจอีกฝ่ายได้ และยอมให้ผมทำในที่สุด และนั่นก็คงเป็นเหตุผลที่ลึกๆที่ผมยังไม่ลุกขึ้นวิ่งหนีอีกคนไปขังตัวอยู่ในห้องน้ำคืนนี้


              “เดี๋ยว..เอิน!”
    
              ผมสะดุ้งโหยงทันทีที่อีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะสอดนิ้วเข้ามาจริงๆ ส่ายหน้าพัลวันอยู่กับไหล่อีกฝ่าย “ขะ..ขออีก 2 นาที..”
              
              ถะ...ถึงจะมีเหตุผลล้านแปดประการ แต่เรื่องทำใจได้ไม่ได้นี่มันแยกกันได้ป่ะล่ะ TT TT โอ๊ยคุณครับ อยู่ดีๆจะให้มานั่งอ้าขาให้ใครเข้าสอดอะไรต่อมิอะไรเข้ามาในตัวนี่ไม่ง่ายเลยนะ ผมไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่าวันหนึ่งจะต้องมาเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ ถึงแม้จะแค่ครั้งเดียวเพื่อซื้อใจเมียในอนาคต แต่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ


              แจ็คสันหวังน่ะ ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นฝ่ายรับนะ!


              “กากา..”
              เสียงนุ่มๆของคนข้างหลังเรียกซ้ำ แต่ผมมัวแต่กังวลกับด้านล่างเลยไม่ทันได้ตอบสนองจนน้องต้องเรียกซ้ำ “หันมาทางนี้ก่อนเร็ว..”
              และเมื่อผมหันไป ริมฝีปากนุ่มก็ประกบลงมาแผ่วเบา ความพลิ้วไหวนุ่มนิ่มของปลายลิ้น และความอุ่นชื้นของริมฝีปากพอจะช่วยผมได้บ้าง แต่มันก็ไม่ทั้งหมด จนกระทั่งน้องค่อยๆแทรกลิ้นเข้ามาข้างใน เกี่ยวกระหวัดกับของผมช้าๆ
    
              ไม่รู้ว่าเพราะจูบนั่นดีมาก หรือเพราะมือที่อยู่ข้างล่างมันไม่ขยับแล้วผมถึงได้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย หันหลังไปบดจูบกับปากนุ่มนิ่มนั่นด้วยแรงที่มากขึ้น ยิ่งลิ้นเล็กๆนั่นพยายามถอยหนี ผมยิ่งไล่ตามอย่างไม่ลดละ โถมเข้าใส่อีกฝ่ายจนริมฝีปากบางนั่นขึ้นสีเข้ม และทันทีที่ผมไล่จับลิ้นนุ่มนิ่มนั่นได้ด้วยอวัยวะเดียวกันของผม สัมผัสลื่นๆของอะไรบางอย่างที่ผมลืมไปแล้วว่ามันยังคงอยู่ตรงนั้นก็เบียดดันเข้ามาข้างในร่าง


    
              “.....!!!”
              
              ผมรู้สึกได้ชัดเจนเหลือเกินว่าอะไรที่อยู่ข้างในนั่นมัน.. โว้ย! ไม่พูดได้ไหมเนี่ย! ไม่รู้ล่ะ แต่ผมไม่ชอบมันเลย ปากต้องการประท้วง แต่ทันทีที่จะผละหนีแขนเล็กๆของอีกฝ่ายก็เข้ามาล็อคเอาไว้เสียก่อน พลางเริ่มกระทำการจูบผมอย่างรุนแรงอีกครั้งแบบที่ผมทำกับอีกฝ่าย ดูดดึงอากาศหายใจที่เพิ่งใช้ไปเกือบหมดปอดกับการตกใจเมื่อครู่ให้แห้งเหือด ส่วนด้านล่างก็หมุนวนไปมาอย่างไม่สนใจอาการเจ็บปวดของผมแต่อย่างใด ถึงมันจะลื่นมาก แต่ความประหลาดของสัมผัสนั่นก็ไม่ใช่อะไรที่ชวนให้รู้สึกดีจริงๆนะ
    
              ขาสองข้างของผมเริ่มขยับไปมาเมื่อปลายนิ้วนั่นบดหมุนเข้าไปลึก ไม่รู้ว่าของจริงมันจะไปได้เท่าไหร่แล้ว แต่ผมรู้สึกเหมือนอย่างกับซัก 30 เซนติเมตรอย่างไรอย่างนั้น มันหมุนซ้ายที ขวาทีอย่างช้าๆ ผมเกร็งไปหมดทั้งตัว พยายามกัดฟันทนจนกระทั่งรู้สึกได้ว่ามันน่าจะเข้ามาจนหมดทั้งนิ้วแล้ว


              “พะ..พอก่อน..” ผมเอ่ยห้ามเสียงแหบ ซุกหน้ากับต้นคอขาวที่เปิดโล่งพลางหอบหายใจ “มะ..ไม่ไหว มันแปลกๆ..”
    
              ผมพยายามเอ่ยห้าม แต่ปลายนิ้วที่หมุนควงไปมาในตัวและครูดไปกับอะไรๆข้างในที่ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนั่นให้ความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ในท้องบิดมวนเป็นเกลียวทุกครั้งที่มันถูไถไปมาแม้จะช้าแสนช้า และสัมผัสหยาบแปลกของนิ้วมือที่ค้างคาก็ทำให้ขนลุกชูชันไปหมด


              “แปลกยังไงครับ..?”
    
              คนตัวเล็กของผมที่ดูจะเป็นเจ้าหนูจำไมไปแล้วในตอนนี้พึมพำเสียงพร่า น้องคงจะขาดออกซิเจนพอๆกับผมถึงไม่สามารถควบคุมเสียงที่พยายามทอดให้ทุ้มของตัวเองไว้ได้ แต่ให้ตายเถอะ ความแหบห้าวของมันทำผมใจเต้.. เอ๊ย ตกใจจนเกร็งตัวอีกแล้ว
              
              และผมก็ยิ่งต้องเกร็งเข้าไปใหญ่เมื่อไอ้นิ้วนั่นมันไม่ได้หยุดแค่การหมุนซ้ายหมุนขวา มันยังขยับเข้าไปได้อีกจนผมเบิกตาโพลง เมื่อกี้ยังไม่ถึงนิ้วหนึ่งเลยเรอะ!? จะบ้าเรอะ! แค่นี้ผมก็รู้สึกว่ามันจะทิ่มมาถึงคอแล้วนะ!


              อาการเกร็งและขยับตัวถดหนีของผมทำให้คนที่ซ้อนอยู่ข้างหลังต้องกอดเอาไว้ แต่แทนที่จะเอาไอ้เจ้าสิ่งตัวปัญหาที่ค้างอยู่ออก น้องกลับขยับดันมันเข้ามาลึกขึ้น และดันพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนผมรู้สึกได้ว่ามันกำลังทิ่มแทงกับผนังภายใน ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รู้จักเกิดขึ้นพร้อมๆกับความตกใจ
    


              “ไม่..! ไม่เอาแล้ว! เอิน!!”


              ผมหันไปคว้าไหล่อีกฝ่ายที่อยู่ข้างหลัง พลิกตัวทั้งที่ตรงนั้นยังมีความรู้สึกแปลกพิกลของนิ้วมือค้างคาอยู่ และการบิดหมุนอย่างรวดเร็วก็ก่อให้เกิดสัมผัสแปลกประหลาดที่แล่นตรงถึงสมอง ตาเบิกโพลง หลุดเสียงอุทานอะไรสักคำหนึ่งออกไปซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร
    
              สิ่งที่ผมรู้คือ..วินาทีถัดมา นิ้วเรียวสวยราวกับนักเปียโนนั่นก็ขยับเข้าออกถี่รัวทันที


    
    
    
              ผมไม่มีแม้แต่เวลาจะประท้วง ไอ้ความรู้สึกผลุบเข้าผลุบออก เสียงชื้นแฉะที่ทำให้หน้าจะไหม้ให้ได้ทุกเวลา และสัมผัสหน่วงๆของนิ้วที่สองกำลังจะสอดเข้ามามันมากจนได้แต่กัดปากตัวเองไม่ให้ร้องออกไปเสียก่อน ตาพร่าไปหมดด้วยน้ำตาที่ไม่รู้มาจากอารมณ์ไหน


              “เจ็บเหรอครับ?”
              เอาอีกแล้ว เสียงแหบต่ำนั่น…


              ผมไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไร อารมณ์ที่สับสนปนเปจนไม่รู้เรียกมันว่าอะไรดีทำให้ผมเลือกที่จะโน้มคออีกคนเข้ามาจูบซ้ำอีกครั้ง ดูดกลืนกลีบปากอุ่นนิ่มราวกับจะหาเหตุผลที่ชอบธรรมให้กับตัวเอง


              ใครก็ได้บอกผมที ว่าผมไม่ได้มีอารมณ์ขึ้นมาเพราะ..มีอะไรขยับอยู่ในตัวแบบนี้  




* --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- *



              “เอิ..น..”
              
              ผมพึมพำจากกองหมอนที่พยายามจะเอามาปิดซ่อนใบหน้าตอนนี้ แค่หายใจก็ยังยากเต็มที การจะเรียกชื่ออีกคนให้ได้ครบทั้งพยางค์จึงดูเป็นอะไรที่ลำบากเกินความจริงไปมากโข


              “...หืม?”
              เสียงห้าวทุ้มที่ผมเริ่มจะชินกับมันมาบ้างในชั่วโมงนี้ เนื่องจากมันมากระซิบอยู่ข้างหูผมอยู่หลายครั้งแล้ว และเมื่อริมฝีปากนุ่มนั่นกดลงมาที่หน้าผากผมซ้ำอีกครั้ง ความร้อนของมันทำให้ผมปรือตาขึ้นมามอง


              เอินหน้าแดง..ตัวแดงไปหมด อาจจะด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูงในร่างกาย และเมื่อมองไปที่กางเกงนอนที่เหมือนจะแน่นเกินไปขึ้นมาเฉพาะจุดในเวลานี้ก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ปลดปล่อยแต่อย่างใด ผิดกับผมที่เพิ่ง...นั่นแหละ รอบที่สองไปเมื่อกี้นี่เอง
              สีหน้าที่พยายามจะทำให้เป็นปกติของอีกคนทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แม้นิ้วมือเจ้ากรรมพวกนั้นจะถูกถอนไปหมด.. แต่ความรู้สึกเหมือนเคยมีอะไรอยู่ข้างในก็ไม่สามารถทำให้ชินได้โดยง่าย
    
              โอเค ผมไม่ได้เกลียดมัน..เท่าที่เคยเกลียดตอนแรก


              ไม่รู้ว่าเพราะเป็นเอิน หรือเพราะมันดีจริงๆ แต่ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าไม่รู้สึกดีๆกับสัมผัสในที่แปลกใหม่นั้น ถึงจะไม่ได้ดีขนาดเปลี่ยนความคิดที่ผมจะต้องรุกน้องให้ได้ที่ตั้งไว้แต่แรก แต่พอเห็นว่าน้องพยายามอดทนทำให้ผมมาถึงขนาดนี้แล้ว…


              ผมยังไม่รู้เลยว่าถ้าตัวเองต้องมาทำแบบนี้ให้เอินจะทนได้ขนาดนี้หรือเปล่า
              ผมควรจะทำอะไรให้เขาบ้าง อย่างน้อยก็… มือ? หรือปาก? อะไรก็ได้


              “มานี่..” ผมตบหมอนที่หนุนอยู่ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะเอนตัวลงมานอนอย่างที่ผมหวังว่าจะให้เป็น กลับคร่อมตัวลงมาแล้วใช้มือยันเตียงเอาไว้เสียอย่างนั้น “เดี๋ยว..พี่ทำ…”
              "....ให้"


              สายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมแบบแทบจะพลิกหน้าเป็นหลัง จากที่เคยทอดมองอย่างห่วงใยอ่อนโยนกลายเป็นพร้อมจะกลืนกินเข้าไปได้ทุกเมื่อ และรูปร่างผอมบางที่เห็นมาตลอด...เมื่อมาคร่อมทับผมจนเกือบมิดแล้วถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่เห็น ความกว้างของไหล่ ปริมาณกล้ามเนื้อที่มีอยู่อย่างพอเหมาะ ไม่ได้มีแค่กระดูกอย่างที่คิด และความรู้สึกราวกับถูกสะกดให้จ้องของลูกแก้วสีน้ำตาลอ่อนนั่น…
              ทั้งหมดที่เป็นเอินทำให้ผมทำตัวไม่ถูกจริงๆ


              ลมหายใจร้อนเป่ารดลงมาที่ข้างแก้ม ไล่เลยไปถึงหู ผมได้ยินว่าน้องกระซิบบอกอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์อีกต่อไปแล้ว ในเมื่อภาพของคนตรงหน้าทำผมแทบจะหยุดหายใจได้ในนาทีนี้ ไม่รู้ว่ะ คุณต้องมาเห็นเอง มันเป็นความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างเขิน ดีใจ และใจเต้นแรง
    
              มันมีไม่กี่คนหรอกนะครับ ที่จะทำให้คุณรู้ว่าเขารักคุณ และต้องการคุณมากที่สุดในตอนนี้เพียงแค่สบตา


              ความร้อนที่แทรกเข้ามาแบบเชื่องช้าทั้งที่สายตาเรายังไม่ละจากกันและกันทำเอาตาเบิกโพลง ลืมสามนิ้วเมื่อกี้ไปได้เลยนะ นี่มันยิ่งกว่าอีกกี่เท่าก็ไม่รู้ ผมผวาเกาะกอดบ่าของอีกคนไว้ หายใจถี่อย่างกับเพิ่งไปวิ่งมาราธอนมาหมาดๆ ในขณะที่อีกฝ่ายหยุดตัวเอง พึมพำปลอบด้วยเสียงขาดห้วง


              “ไม่เป็นไร..”
              
              “กากา.. ไม่..เป็นไร...”


    
              น้ำตาผมคลอเบ้า ไม่รู้ว่าด้วยความเจ็บหรืออย่างอื่นที่ตีตื้นขึ้นมาทุกขณะที่ความร้อนแผดเผาเข้ามาทีละนิด คืบคลานเชื่องช้าและหนักหน่วง รู้สึกเหมือนยาวนานเป็นชั่วโมง กว่าที่ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง




Comments