BED FRIEND : 010



010


แจ็คสันหวังไม่ใช่คนเรื่องมาก
     
ผมไม่เคยตั้งสเปคเรื่องแฟนสูง ขอแค่นิสัยดี น่ารัก และเข้าอกเข้าใจแค่นั้นก็เป็นอันใช้ได้
     
หรือถ้าแค่นั้นมันมากไป ผมขอแค่ ‘นิสัยดีกว่ามาร์ค’ ก็พอ




               “พี่ยองแจครับ..”
     
               ผมนั่งอยู่ในร้านอาหารหรู ตอนนี้เลยปีใหม่มาราวๆครึ่งเดือนได้ แต่ว่าเราเพิ่งได้เจอกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เจอกันครั้งสุดท้ายในวันคริสมาสต์ เหตุผลคือพี่แกไม่ค่อยว่าง ละสองคือ...ผมไม่ค่อยอยากจะว่างเท่าไหร่
     
               ใช่.. คำว่าไม่ค่อยอยากว่างก็คือไม่อยากเจอนั่นแหละ


               ไม่รู้ทำไมนะ.. แต่ช่วงนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าความรู้สึกที่มีมันเริ่มจะจืดจางลงแปลกๆ ผมไม่ค่อยอยากรับสาย ไม่ค่อยอยากคุย ไม่ค่อยอยากออกไปเจออีกฝ่ายเท่าที่เคยรู้สึกแล้ว
               และมันไม่ได้เป็นอย่างนี้เป็นครั้งแรกเสียด้วย

               ผมกับแฟนจะมีจุดจบประมาณนี้เป็นส่วนใหญ่ คือเป็นผมเองนี่แหละที่รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปหลังจากคบกันไปราวๆ 3-4 เดือน ความรู้สึกนึกชอบที่เคยมีก็ไม่ค่อยเหมือนเดิมและขอจบความสัมพันธ์ในที่สุดเพราะมองไม่เห็นว่าเราจะไปกันต่อได้ บางส่วนอาจจะรั้งให้ผมอยู่ แต่บางส่วนที่อาละวาดก็มีบ้าง บางคนตามมาถึงที่คอนโด..
               แล้วยังไง.. ก็เจอมาร์คไง
               เจอมาร์คได้ก็เป็นอันว่าเข้าใจผิดว่าผมแอบนอกใจไปมีแฟนใหม่กันไปอีก
     
               เฮ่อ..
     


               ผมไม่อยากจะบอกเลยว่า ถ้าจะให้ผมเลือกมาร์คมาเป็นแฟน ขอคนที่ดีกว่านี้เถอะครับ
     
               อย่างน้อยๆแฟนผมที่เลือกมา (ย้ำว่าแฟนนะ คู่นอนไม่นับ) ผมค่อนข้างมั่นใจเลยว่า ดี กว่า มาร์ค อย่างน้อยๆก็ไม่เจ้าอารมณ์เท่าอีกคนก็แล้วกัน และนั่นคงเป็นสาเหตุที่ผมเลือกจะคบคนอายุมากกว่าเพราะอีกฝ่ายจะค่อนข้างใจเย็น และหลายๆคนก็จะค่อนข้างเป็นผู้ฟังที่ดีเพราะผมพูดเยอะมาก
               เห็นมะ แค่สองอย่างนี้ก็ดูดีขึ้นมาทันตา

               โอเค.. เรื่องหน้าตาผมข้ามไปได้มั้ยล่ะ คุณต้องเข้าใจว่าการที่จะหาคนนิสัยดีๆได้น่ะมันก็ยากพอแล้ว เรื่องประเด็นอื่นๆก็ต้องเพลาๆลงมาบ้าง อีกอย่าง ถ้าคาดหวังจะเอาหน้าตาระดับมาร์คก็คงจะเลือกอย่างอื่นมากไม่ได้หรอกนะครับ ยอมลดมาตรฐานลงหน่อยเพื่อให้ได้คนนิสัยน่ารักๆดีกว่านะ เหมือนพี่ยองแจนี่ไง น่ารักแทบดิ้น ใจเย็น ใจดี แถมเอาใจเก่งด้วยนะ
               ...แต่ว่า
     
               ต่อให้ดียังไง ถ้าไม่รู้สึกรักเหมือนเดิมแล้วมันก็เท่านั้น



               ผมสบตารีชั้นเดียวของอีกฝ่ายนิ่งๆ กระแอมเบาๆก่อนจะค่อยๆพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ราวกับว่าถ้ากระโชกโฮกฮากมากเกินไปอีกฝ่ายจะเจ็บปวดไปด้วย
     
               “ผมว่า..”
“เราเลิกกันได้มั้ยครับ”
     
นั่นไงครับ ขอบคุณจริงๆที่ผมเลือกคุณสมบัติการเป็นแฟนข้อแรกของตัวเองเป็นความใจเย็น พี่ยองแจดูไม่แปลกใจเท่าไหร่ หรืออาจจะเสียใจแหละ แต่ไม่ได้ฟูมฟาย เพียงแค่วางช้อนส้อมลงเบาๆ ช้อนตาสวยๆที่ไหวสั่นนั่นขึ้นมาสบจนผมรู้สึกเจ็บไปด้วย
     
“ทำไมล่ะ?”
เสียงนุ่มนั้นสั่นเครือนิดๆ แต่อีกฝ่ายก็พยายามควบคุมให้เป็นปกติ ไม่มีน้ำตาสักหยดให้เห็น “มีใครใหม่เหรอ..?”
     
ผมรีบส่ายหน้าพัลวัน ต่อให้ผมนิสัยแย่แค่ไหน เปลี่ยนแฟนบ่อยยังไงแต่ผมไม่เคยคบซ้อน ถ้าเลือกจะมีแฟนก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น.. ไม่เคยหาเศษหาเลยกับใครอื่น
     
ส่วนมาร์คก็...เพื่อนไง
เพื่อนไม่นับเป็นการนอกใจนี่
     
แค่เพื่อนที่นอนด้วยกันได้.. ทำทุกอย่างด้วยกันได้ถ้าอยากทำ ผมไม่ได้มีความรู้สึกโรแมนติคกับมาร์คเสียหน่อย ไม่ได้อยากจะคบหรือควง และต่อให้มันจะมีแฟน ผมก็ไม่เคยคิดจะห้ามมันเลย เราไม่หึง เราไม่หวงกันและกัน เพราะเราไม่ได้รักกัน จะให้เรียกว่านอกใจคงไม่ได้     

“พี่ยองแจไม่ได้ผิดหรอกครับ ผมผิดเอง..”
“เป็นผมเองที่รู้สึกเปลี่ยนไป ขอโทษจริงๆนะครับ”

ผมรู้สึกขอบคุณตัวเองจริงๆที่เลือกพูดเรื่องนี้หลังจากเรากินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว เพราะหลังจากนั้น พี่ยองแจแทบไม่แตะอาหารอย่างอื่นบนโต๊ะอีกเลย





-----------------------------------------------------------------------------------------






               หลังจากที่เราออกจากร้านกันมาแล้ว ผมกับพี่ยองแจยังคงเดินห้างกันต่ออีกนิดหน่อย               
               ถึงแม้ว่าพี่เขาจะยอมรับการบอกเลิกสถานะของผมอย่างไม่โต้แย้งอะไร แต่เขาก็ยังขอร้องให้เราเดินเที่ยวด้วยกันอีกนิดหน่อยอย่างที่พี่เขาตั้งใจมาตั้งแต่แรกและผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขัด

               เราแวะร้านขายอุปกรณ์ไอทีกันเพราะพี่ยองแจกำลังอยากจะเปลี่ยนมือถือ แต่ทันทีที่เลี้ยวเข้าร้าน อะไรบางอย่าง..หรือที่ชัดเจนก็ควรจะเรียกว่า ใครบางคน ที่ยืนอยู่ข้างในนั่นก็เรียกความสนใจของเราไป


     
               ผู้ชายหน้าตาดีผิดมนุษย์ ทั้งที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่เสื้อเสวทเตอร์กับกางเกงยีนส์และผ้าใบเรียบๆ ผมชี้ๆสีเทาเข้มแม้จะไม่เป็นทรงแต่ก็ดูมีสไตล์เพราะเบ้าหน้าส่งเสริม ขนาดเขายืนเอามือข้างนึงซุกกระเป๋ากางเกง อีกข้างเกาหัวแกร่กๆยังโคตรจะหล่อ สาวใหญ่สาวน้อยในร้านพากันชม้ายชายตามองอย่างหลงใหล
               หรือถ้าจะพูดสั้นๆก็คือ…
     
               มาร์คกำลังยืนอยู่ในร้านนั้น
     

               ตาคมๆนั่นหันมาทางผม มันเห็นผมแล้ว ไม่เอ่ยปากอะไรสักคำ แต่ผมก็เป็นฝ่ายยกมือทักก่อน
               “รูมเมทผมเองพี่” ผมหันไปบอกกับคนข้างตัว ก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายเข้าไปหามาร์คที่ยังคงยืนอยู่หน้าเชล์ฟหูฟัง “มาร์ค นี่พี่ยองแจ พี่ยองแจครับ นี่มาร์ค”
     
               ทั้งสองคนทักทายกันตามมารยาท และเมื่อได้ยินชื่อของอีกฝ่ายมาร์คก็เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ นั่นคงเป็นอาการแปลกใจของมันล่ะมั้ง ไม่บ่อยหรอกที่ผมจะแนะนำแฟนของตัวเองให้อีกฝ่ายรู้จักแบบนี้ จริงๆเราก็ไม่ค่อยรู้จักแฟนของกันและกันมากไปกว่าชื่อหรอกครับ ที่เจอหน้าและแนะนำตัวกันนี่ก็แนบจะนับครั้งได้
               

               “รูมเมทหล่อมากนะ” อดีตแฟนของผมพูดกลั้วหัวเราะ แน่ล่ะ นั่นเป็นความจริงที่ต่อให้หมั่นไส้มากก็ต้องยอมรับ
               “เอ๊ะ? แล้วผมล่ะ?”
               “ก็งั้นๆแหละเราอ่ะ”
     
               ผมแกล้งทำท่าทีเจ็บปวดจนโอเวอร์จนพี่ยองแจหัวเราะ ส่วนมาร์คยังคงนิ่งเงียบ มันเป็นแบบนี้ทุกทีที่เจอคนใหม่ ถ้าไม่ถามก็อย่างหวังว่าจะพูดอะไรออกมาให้ได้ยิน ชอบทำให้คนอื่นเขาอึดอัดอยู่เรื่อย ไม่เหมือนพี่ยองแจเลย ออกจะร่าเริง พยายามเข้าหาและผูกสัมพันธ์กับทุกคน
               “มาร์คดูอะไรอยู่อ่ะครับ?” ดูสิ ต่อให้โดนเมินแค่ไหน คนข้างตัวผมก็ยังพยายามที่จะต่อบทสนทนากับไอ้คนที่ชอบ mute ตัวเองในที่สาธารณะแถวนี้อย่างกระตือรือร้น “พอจะรู้เรื่องมือถือรึเปล่า? พี่กำลังจะหามือถือใหม่อยู่อ่ะครับ”

               “พอดีเลยพี่ มาร์คมันอยู่แผนกไอที ให้มันแนะนำให้เลย”

     
               ตาคู่คมนั่นตวัดมามองผมนิ่งๆ เหมือนจะถามว่า 'เอาจริงดิ?' ว่าไงดีล่ะ ถึงเราจะสนิทกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะจำเป็นจะต้องเอาแฟนของคนใดคนหนึ่งมาสนิทกับเราด้วยก็ได้ อันนั้นผมเข้าใจ แต่ว่าในตอนนี้...ผมกำลังจะเที่ยวกับพี่ยองแจเป็นครั้งสุดท้าย อะไรที่ดีๆผมก็อยากจะทำให้เขา
     
               “มาร์ค แนะนำหน่อยดิ” ผมเดินเข้าไปตบบ่ามันปุๆ พลางส่งสายตาแบบกึ่งขอร้องกึ่งบังคับจนมันพยักหน้ารับ เดินนำเราไปที่โซนมือถือข้างใน



               “ถ้าเอาตามสเปคที่ว่า ก็จะมีอันนี้ กับ..อันนี้”
               มาร์คว่าพลางหยิบโมเดลของมือถือรุ่นดังกล่าวทั้งสองตัวมาวางตรงหน้า พร้อมกับอธิบายคุณสมบัติคร่าวๆด้วยเสียงที่ไม่ได้ต่างจากเวลาที่อาจารย์เลคเชอร์ในมหาลัยตามสไตล์ของมัน แหบ โมโนโทน และห้วนยิ่งกว่าอีกไร “แต่ถ้าจะเอาจริงๆก็อันนี้ดีกว่า ใช้ง่าย”
     
               มาร์คยื่นมือถือที่แนะนำมาให้พี่ยองแจที่ยืนอยู่ข้างผมให้ถือไว้พลางบอกว่าให้ลองเล่นกับฟังก์ชั่นต่างๆไปก่อน ผมที่ไม่ได้คิดอยากจะมาดูมือถือแต่แรกก็เบี่ยงตัวเองไปที่โซนเคสแทน หยิบจับเคสแบบแข็งสีดำอันหนึ่งที่ดูสะดุดตาที่สุดในนั้นพลิกดูไปมาอย่างสนใจ


               “นั่นคนละรุ่นกับมือถือที่ใช้อยู่นะ”
               เสียงเย็นๆที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้พึมพำเบาๆอยู่ข้างหลัง ซึ่งทำให้ผมปล่อยมือจากไอ้เจ้าเคสนั้นอย่างเสียดาย “นู่น ถ้าจะเอาก็แถวนู่น”
               “ไม่อยากได้อันนั้นอ่ะ” ผมยู่ปากอย่างขัดใจกับบรรดาเคสซิลิโคนสีพาสเทลนั่น “ตุ๊ดตายห่าเลย”
     
               มาร์คหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวที่เซทมาอย่างดีของผมให้ยุ่งเป็นรังนก วุ่นวายจนผมต้องเอาเคสไล่เคาะหัวมันจนวิ่งหนีกันไปรอบๆเชล์ฟอย่างกับเด็กสามขวบ พนักงานกับลูกค้าคนอื่นๆมองเราอย่างกับเป็นของแปลกจนผมยอมผ่อนแรงและหยุดไล่มันในที่สุด

               “สรุปจะเอามั้ย?” ไอ้คนชอบกวนเดินกลับมาอีกครั้ง ผมหันไปมองมันด้วยสายตาที่ยังคงคาดโทษมันเอาไว้ รอเวลาเอาคืนหลังจากนี้
               “เอา แต่ไปหาให้ด้วย ขอแบบนี้เป๊ะๆเลยเข้าใจป่ะ”
               “ชาร์จค่าหา 50% นะ”
               “ไอ้..”
               
               เราคงจะเถียงกันอีกนานล่ะครับ ถ้าพี่ยองแจที่เพิ่งจะได้มือถือใหม่และจ่ายเงินทำสัญญาเรียบร้อยไม่เดินเข้ามาห้ามศึกเสียก่อน ผมจึงได้โอกาสบอกลามาร์ค ณ ตรงนั้น ก่อนจะเดินลงไปส่งพี่ยองแจที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้าง





-----------------------------------------------------------------------------------------






               “ขอบคุณที่มากับพี่วันนี้นะครับ”

               ผมยิ้มนิดๆ พลางส่ายหน้าเพื่อที่จะบอกว่าไม่เป็นไร ผมเลือกที่จะไม่พูดคำขอโทษซ้ำ ประสบการณ์ทิ้งคนมามากกว่า 1 โหลทำให้ผมรู้ว่าพวกเขาจะเจ็บมากขึ้นถ้าผมพูดคำนั้นออกไป “โชคดีนะครับพี่ยองแจ”
               ตาชั้นเดียวสุกใสนั้นจ้องผมกลับมานิ่งๆ ท่าทางเหมือนพี่เขามีอะไรจะพูดแต่ก็ลังเล แต่เมื่อเห็นผมยังคงยืนอยู่ตรงข้างกระจกรถเหมือนจะรอ อีกฝ่ายจึงค่อยๆพูดออกมา

               “มาร์คนั่น.. รูมเมทจริงเหรอ?”

               นั่นไง.. ทีซื้อหวยล่ะไม่ถูก

     
               ผมขยับยิ้มอย่างอ่อนใจพลางส่ายหน้า “โถ่ พี่ครับ นั่นเพื่อนจริงๆ”
               “ก็ดูสนิทกันมากเลย พี่ก็นึกว่า..”

               “พี่ยองแจ..”
               ผมยื่นมือไปจับกระจกรถที่เลื่อนลงแค่ครึ่งหนึ่งของคนตรงหน้าไว้
               “พี่น่ารักกว่า นิสัยดีกว่า แถมเอาใจผมเก่งกว่ามันเป็นสิบเท่า ถ้าผมจะทิ้งพี่ไปหามัน ผมคงสติไม่ค่อยดีแล้วล่ะครับ”
     
               ผมพูดกลั้วหัวเราะ พลางลดมือลงเพื่อถอยห่างจากรถยนต์สีดำคันนั้น โบกมือลาพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนที่กระจกติดฟิล์มดำนั้นจะค่อยๆเลื่อนขึ้นจนมองไม่เห็นคนข้างใน และตัวรถนั่นเคลื่อนที่จากไป



               ทันทีที่รถสีดำคันนั้นเคลื่อนจากไป มือถือผมก็ดังขึ้นราวกับว่ารออยู่ สายเรียกเข้านั่นไม่จำเป็นต้องดูชื่อด้วยซ้ำ มันไม่มีทางเป็นใครอื่นได้หรอก
               “ว่า..?”
               “อยู่ข้างหลัง ขึ้นมาเร็ว”
     
               ผมหันไปหารถยุโรปคันสวยข้างหลังที่ยังคงเปิดไฟส่องมา กดตัดสายก่อนจะเดินหันกลับไป เปิดประตูยัดร่างตัวเองลงไปบนเบาะข้างคนขับพลางเอื้อมมือไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเอง

               “เลิกกันแล้วว่ะ”

               “อ่าฮะ..”

               ผมล่ะชอบคำตอบสั้นๆแบบนี้ของอีกคนชะมัด มันไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงความเห็นเลย ถ้าใจจะไม่ได้คิดอะไรจริงๆ หรือถ้าจะแสดงความเห็นที่ไม่มีประโยชน์ ก็ตอบมาแค่นี้ดีกว่า
     
               “ก็บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าให้คบคนแรงๆ จะได้ไม่เบื่อง่าย”
               
               “แต่คนนี้น่ารักนะเว้ย ตอนบอกเลิกยังไม่โวยวายซักคำ ดีกว่านี้จะหาได้ที่ไหน”
     
     


               มาร์คไม่เถียงต่อ ผมเลยถือโอกาสเอนตัวลงบนเบาะ สูดกลิ่นน้ำหอมของคนแถวนี้ที่อวลอยู่ในรถ หลับตาลงยิ้มๆเมื่อเพลงในรถถูกเปลี่ยนแทร็คไปเป็นของนักร้องคนโปรดของผมที่ทำให้ร้องคลอตามไปได้เบาๆ





แจ็คสันหวังไม่ใช่คนเรื่องมาก
     
ผมไม่เคยตั้งสเปคเรื่องแฟนสูง ขอแค่นิสัยดี น่ารัก และเข้าอกเข้าใจแค่นั้นก็เป็นอันใช้ได้
     
หรือถ้าแค่นั้นมันมากไป ผมขอแค่ ‘นิสัยดีกว่ามาร์ค’ ก็พอ



แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
     
ต่อให้ไอ้คนข้างๆแถวนี้จะบื้อ นิสัยเสีย ปากหมา และหื่นกามระดับทำเช้าทำเย็นก็ไม่พอ
     

แต่รู้ใจผมไปมากกว่ามันก็ไม่มีอีกแล้วล่ะ...





-----------------------------------------------------------------------------------------








"......."
"......?"
     
"..เปล๊า ไม่มีอะไรซะหน่อย"




#มสเพื่อนร่วมเตียง



LI5HT

Comments