BED FRIEND : 009



009

แจ็คสันเป็นคนดี เป็นคนเห็นอกเห็นใจ เป็นคนน่ารัก เป็นคนคิดถึงคนอื่นก่อน..
     
เหอะ อยากจะ “เหรอออ” ให้ยาวจากตรงนี้ไปถึงฮ่องกง
     
ถ้าคุณไม่ใช่มาร์ค ต้วน คุณไม่มีวันเข้าใจ



               เป็นความซาบซึ้งของผมมาก ที่อุตส่าห์เลี่ยง หลบ หนีงานฉลองสิ้นปีของแผนก โดดนิวเยียร์ปาร์ตี้ของพนักงานในกลุ่มอายุไล่ๆกัน ชิ่งหนีกลับก่อนในงานเลี้ยงบริษัท
     
               แล้วที่บ้านผมก็ดันจัดปาร์ตี้ปีใหม่..
     

               บ้านแจ็คสันน่ะเป็นชาวจีนแท้ๆ ดังนั้นปีใหม่สากลแบบนี้ยังไม่อลังการเท่าปีใหม่จีน แต่บ้านผมที่โดนวัฒนธรรมอเมริกันกลืนไปแล้วนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง.. ทั้งเครื่องดื่ม อาหาร และที่แย่คือ ‘แขก’ เต็มบ้าน! ผมแทบไม่มีที่อยู่ ใครบ้างก็ไม่รู้เดินเข้าเดินออกทั้งวันเลยเนี่ย!
               ผมเริ่มอยากกลับคอนโด ไม่น่าชวนแจ็คสันมันกลับมาเลย..

               หืม? แล้วแจ็คสันอยู่ไหนน่ะเหรอ นู่นเลย คุณไม่ต้องห่วงมันหรอก เบียร์แก้วเดียวเดินร่อนมาแล้วทั้งงาน ผมว่าตอนนี้ทุกคนในบ้านต้องรู้จักแจ็คสัน มันแวะตรงนั้นที ตรงโน้นที ทักทายคนนู้นคนนี้ไปเรื่อยเหมือนเป็นเจ้าของบ้าน ในขณะที่ผมยังทิ้งตัวเองไว้บนโซฟา ขี้เกียจเกินกว่าจะลุกไปมีปฏิสัมพันธ์กับใคร ได้แต่นั่งซดเบียร์
               
               และก็อย่าหวังนะ ว่าจะหนีกลับขึ้นห้องได้
               เพราะเมื่อผมขยับลุกออกจากที่ แจ็คสันแม่งก็จะโผล่มาจากไหนไม่รู้แล้วลากผมกลับมา

               ผมไม่ชอบคนเยอะ และแจ็คสันก็รู้ แต่คิดว่ามันคงเอาคืนผมแหละ วันนั้นทำมันเกือบไปหาพี่ยองแจสายเพราะติดลมไปหน่อย.. แต่เรื่องนั้นจะโทษผมอย่างเดียวไม่ได้ ถ้าทางนั้นไม่ขอให้ผมทำต่อ มีหรือผมจะขยันทำจนถึงรอบที่สองที่สาม? แล้วมันยังมีหน้ามาโยนความผิดให้ผมคนเดียวอีกต่างหาก



               ผมนั่งเบื่ออยู่ตรงโซฟา มองคนนั้นคนนี้เดินผ่านไปมาอย่างหน่ายๆ ส่วนมากก็เป็นญาติผมหรือญาติแจ็คสันนั่นแหละครับที่มา พวกเขาอาจจะแวะทักทายผมนิดหน่อยตามมารยาท แต่สุดท้ายแล้วก็ผละออกไปเพื่อคุยกับคนอื่นที่ตอบโต้ได้ดีกว่าผมอยู่ดี ซึ่งก็ดีแล้ว..

               “Hi!”

               เสียงแหลมๆที่เอ่ยทักอย่างร่าเริงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนที่จะได้เห็นหน้า ตาผมก็เผลอค้างอยู่ที่อะไรๆที่นูนเบียดอยู่ในเสื้อเสวทเตอร์ไหมพรมสีแดงนั่นเสียก่อน สูดหายใจลึกๆ ก่อนจะเงยขึ้นไปสบตากลมใต้กรอบแว่นนั่น
               
               “...Hi, Lilly”
     
               ลิลลี่ หวัง หรือ หวังลี่จู เป็นญาติของแจ็คสัน เราเคยเจอกันบ่อยๆสมัยเด็กๆที่เพราะเรียนโรงเรียนประถมเดียวกัน แต่พอขึ้นมัธยม เธอก็ไปเรียนต่อแคนาดา และผลของมันก็ทำให้เธอกลายเป็นสาวตะวันตกเต็มตัว จากหมวยแว่นจืดๆก็เปรี้ยวเข็ดฟันขึ้นมา แถมไอ้ความแบนหน้าแบนหลังนั่นพอขึ้นมัธยมปลายมาได้มันก็สลายตัวจากไปอย่างกับไม่เคยมีมาก่อน

               “มานั่งคนเดียวอีกละ แจ็คสันล่ะ?” เธอขยับยิ้ม ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผม ขาเรียวขาวใต้กางเกงยีนส์สั้นกุดเบียดกับท่อนขาผม “ปกติไม่ห่างกันนี่”
               ผมชี้ให้อีกฝ่ายมองไปที่แถวๆครัวในบ้าน แจ็คสันกำลังชนแก้วกับญาติผู้ใหญ่หลายๆคนอย่างครื้นเครง ลิลลี่ที่เห็นดังนั้นก็หัวเราะจนตาหยี ตากลมโตนั่นเหมือนกับแจ็คสันไม่มีผิด.. เป็นประกายสุกใส ถ้าได้มองก็เป็นอันว่าต้องจ้อง
     
               “ตอนนี้ทำงานที่ไหน?”
               เธอถามซ้ำ ส่วนหนึ่งที่เป็นซิกเนเจอร์ของตระกูลหวังก็คงเป็นความช่างพูดนี่แหละมั้ง ลิลลี่ชวนผมคุยเก่งพอๆกับแจ็คสัน เธอรู้ว่าผมมักไม่เริ่มบทสนทนา และไม่เคยเบื่อที่จะเริ่ม “ยังอยู่บริษัทเดิมรึเปล่า? ย้ายมาที่ๆฉันทำอยู่มั้ย?”

     
               ลิลลี่เป็น HR ของบริษัทขนส่งระหว่างประเทศรายหนึ่ง เธอเคยชวนผมไปทำที่นู่นอยู่หลายครั้งพร้อมเสนอเงินเดือนที่มากกว่า แต่ผมก็ตอบปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะผมไม่สนใจนะ แต่ไม่อยากไปปรับสิ่งแวดล้อมใหม่ที่นั่น กว่าจะเจอที่ทำงานที่เข้ากับนิสัยตัวเองได้ผมก็ย้ายมา 3-4 ที่แล้วในหนึ่งปี โชคดีที่ผู้จัดการที่นี่ยอมผมอยู่บ้าง เราเลยทำงานกันได้นาน

               “ไม่ชอบปรับตัวน่ะ” ผมส่ายหัว ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอหัวเราะอารมณ์ดี เขยิบเข้ามากอดแขนผมเสียชิด เบียดไอ้ก้อนเนื้อนุ่มนิ่มนั่นเข้ากับเนื้อหนังของผมอย่างจงใจ หัวเอนซบลงมาบนไหล่
               ผมไม่ได้รังเกียจเธอ และไม่ผลักไสการสกินชิพนั้น เราก็เล่นกันแบบนี้กันมาตั้งแต่เด็กๆล่ะนะ แต่ให้ตายเถอะ… การสกินชิพตอนที่เธอยังเป็นแค่ยัยจืดกระดานโต้คลื่นกับสาวหมวยเอ็กซ์แตกตอนนี้มันโคตรจะให้ฟีลที่แตกต่างกัน

               “นายดูเบื่อปาร์ตี้”
     
               “ก็มันน่าเบื่อจริงๆ..”
     
               ผมถอนหายใจ นึกว่าอีกฝ่ายจะขยับตัวออกเพื่อไปทักทายคนอื่น แต่เปล่า เธอแค่ผละมือหนึ่งจากที่กอดแขนผมอยู่มาลูบเบาๆที่หน้าขา กระซิบเสียงหวานอยู่ตรงไหล่

               “แล้วถ้าเป็น..ห้องเก็บของข้างบนล่ะ?”

               แววตากลมโตซุกซนนั่นจ้องผมอย่างท้าทาย เธอเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากจริงๆนะ ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำเชิญชวนจากปากเธอมากก่อน
               แต่เชื่อผมเถอะ ผู้ชายคนไหนก็ตามถ้ายังมีความต้องการอยู่ ร้อยทั้งร้อยก็ปฏิเสธลิลลี่ไม่ได้หรอก

               “...อีก 20 นาทีเจอกันบนนั้น”





               “หนีงานอีกแล้ว?”
     
               แจ็คสันโผล่จากไหนก็ไม่รู้มายืนอยู่ข้างหลังผมในขณะที่กำลังจะขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง ผมนัดลิลลี่ไว้ในอีก 20 นาทีก็จริง แต่ด้วยความที่ตอนนี้ไม่ได้พกถุงยางมาด้วยเลยต้องขึ้นไปหาก่อน ผมว่าผมเอามาแต่จำไม่ได้ว่าทิ้งไว้ในกระเป๋าใบไหนรึเปล่า
               พอดีเลย.. เผื่อแจ็คสันจะมี
     
               “มีถุงยางป่ะ?” ผมถามมันหน้านิ่งๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็แค่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
               “ใครวะ?”   
               “ลิลลี่”
     
               แจ็คสันหน้าเบ้ทันที..


               สองคนนี่ไม่ถูกกันหรอกครับ ลิลลี่ที่อายุมากกว่าชอบแกล้งแจ็คสัน และด้วยความที่นิสัยไม่ยอมคนเหมือนกันทั้งคู่ทำให้ทะเลาะกันบ่อยๆ หลายครั้งที่ทั้งคู่ทะเลาะกันแล้วบังคับให้ผมเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โคตรน่าปวดหัว โชคดีที่ผมเป็นคนไม่ค่อยพูด เลยปล่อยให้เถียงกันไปจนพอใจ เหนื่อยเมื่อไหร่ก็หยุดเอง
     
               “สรุปว่ามีป่ะ?”
     
               ผมถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบโดยการคว้าแขนของผมให้เดินตามไปข้างบน จูงกึ่งลากให้เดินตามมันไปตามโถงทางเดิน ผ่านทั้งห้องผม ห้องพ่อแม่ ห้องพี่ๆน้องๆของผมไปจนสุดมุมที่ห้องเก็บของ แน่นอน ทำไมแจ็คสันจะไม่รู้ว่าห้องอะไรอยู่ตรงไหน มันโตมาในบ้านนี้พอๆกับที่ผมโตมานั่นแหละ

               คนตรงหน้าผลักประตูห้องเข้าไป พลางบุ้ยใบ้ให้ผมรีบๆตามมา ถึงแม้ผมพยายามจะเลิกคิ้วและส่งสายตาถามแต่มันก็ไม่ยอมตอบ จนกระทั่งผมต้องยอมถอนหายใจเดินตามมันเข้าไปแต่โดยดี
               เราเคยมาเล่นในนี้บ่อยครับ.. ถึงแม้จะเรียกห้องเก็บของแต่มันก็ไม่ได้ใช้เก็บอะไรมากไปกว่าพวกเสื้อผ้าประจำฤดูกาลที่ล้นตู้ในห้องนอนของทุกคนซึ่งพับใส่กล่องซ้อนๆกันไว้ หรือถ้วยชามที่วางอยู่บนชั้นเหนือศีรษะ ห้องไม่ได้กว้างเท่าไหร่ แต่มีพื้นที่พอดีให้สำหรับเด็กสองคนอย่างผมกับแจ็คสันเข้ามาทำฐานทัพลับกันบ่อยๆ
               ...ว่าแต่มันคงไม่ได้ชวนผมมาทำฐานทัพหรือวางแผนบุกสำรวจที่ไหนเอาตอนนี้ใช่ไหม?
     

               ไม่ทันที่ผมจะได้ถาม ท่อนแขนขาวนั่นก็พาดลงมาบนไหล่ ช้อนเข้าที่หลังคอพลางดันผมให้เข้าไปรับจูบร้อนที่ประกบลงมาแบบไม่บอกกล่าว กลิ่นเบียร์คละคลุ้งไปหมด แต่ผมก็ไม่คิดจะบ่นอะไร กวาดลิ้นเข้าไปในโพรงปากฉ่ำพลางดูดดึงเอารสขมจางๆที่ยังติดค้างอยู่ในขณะที่แจ็คสันหลับตาพริ้ม
     
               “นัดลิลลี่เมื่อไหร่?”
               ถามทั้งที่ปากยังติดกันแบบนี้.. ผมไม่รู้ว่าจะเชื่อมันดีไหมเลย แต่ก็ตอบไปตามตรงพลางก้มมองมือขาวๆนั่นที่สอดลูบเข้ามาตรงหน้าท้อง “ยี่สิบนาทีทันไหม?”
     
               “ไม่มีทาง..”


               แจ็คสันหัวเราะคิกคักกับคำตอบนั้น ผมว่าผมพอจะเดาชะตากรรมตัวเองได้







------------------------------------------------------------------------------------------







               ลมหายใจร้อนที่เป่าอยู่ข้างหูไม่ได้ช่วยให้ผมมีสติมากขึ้นแต่อย่างใด ตรงข้าม ไอ้ลมร้อนนั่นกับภาพตรงหน้ายิ่งทำให้ผมสติกระเจิดกระเจิงมากกว่าเดิมหลายสิบเท่า
     
               “อะ..อื้อ…”
     
               “..ฮะ..อาาาา…”

               เสียงครวญต่ำในลำคอนั่นทำให้มือผมสั่นไปหมด มองนิ้วมือที่ขยับเข้าออกช่องทางร้อนผ่าวที่เคยเข้าไปสำรวจนับครั้งไม่ถ้วนแล้วตาไม่กระพริบอย่างกับเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ตอนนี้มันมีแค่สอง แต่อีกสักพัก มันคงถูกเพิ่มจำนวนให้มากขึ้น

               ใช่… คนแถวนี้บอกว่าถ้าผมทนไม่ขย้ำมันได้จนกว่าลิลลี่จะมาได้ เอาถุงยางไปเลยทั้งแผง
     
               ไอ้เรื่องไม่ชอบหน้าลิลลี่ก็พอจะเข้าใจ แต่ไม่คิดว่ามันจะลงทุนขนาดนี้ ดูแจ็คสันตอนนี้สิครับ ขาทั้งสองข้างสั่นระริก แดงไปทั้งตัว แต่ก็ยังคงกระทำการปลุกเร้าตัวเองและยั่วอารมณ์ผมได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
     
               สารภาพว่าเรื่องลิลลี่น่ะไม่อยู่ในหัวแต่แรกแล้ว แต่ที่ทนอยู่นี่ก็เพราะอยากเห็นสีหน้าเร้าอารมณ์นั่นมากกว่า



               ผมก้มลงจูบอีกฝ่ายซ้ำอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้ข้อมือเล็กนั่นชะงักไปจนผมต้องบังคับให้กลับไปขยับเคลื่อนอีกรอบ เสียงครางหวิวดังอึกอักในลำคอ ก่อนผมจะบังคับให้นิ้วมือที่สามสอดลึกเข้าไป ความเปียกแฉะของเจลชนิดซองที่แจ็คสันมันพกติดตัวและชโลมลงไปทำให้เข้าได้ง่ายกว่าปกติ แต่ความแน่นและการเสียดสีก็ยังทำให้เสียงแหบๆนั่นครางหวานออกมาอยู่ดี
     
               “..อืม..อ๊ะ..”

     
               “มาร์ค?”
     
               เสียงเรียกของลิลลี่จากข้างนอกทำให้ผมหันไปมอง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานัดหรอก อีกเกือบสิบนาที แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายคงมาก่อนและได้ยินเสียงอึกอักข้างในผ่านบานประตูเลยลองเรียกดู
           
    
               “มาร์ค? เฮ้ มีใครอยู่ข้างในรึเปล่า?”



               ผมก้มลงไปสบตากลมโตคู่นั้น ต่างฝ่ายต่างหยั่งเชิงว่าใครจะทำอะไรก่อน แจ็คสันจะถอย หรือผมจะเริ่ม เพราะเราตกลงกันไว้ว่าจะหยุดทันทีเมื่อผมทนได้ถึงเวลาที่ลิลลี่มา
               แต่…


               
               "....!!?"

               ผมจับร่างขาวๆนั่นให้หันหน้าเข้าประตู ดึงนิ้วที่ยังค้างติดอยู่ออกให้พ้นทางก่อนจะขยับเข้าซ้อนหลัง เท้าแขนกับบานประตูพลางสอดร่างเข้าไปในช่องทางนุ่ม สัมผัสร้อนผ่าวแนบแน่นทำเอาผมครางต่ำ ในขณะที่เนื้อตัวของอีกฝ่ายสั่นระริก ครางแผ่วหวานเหมือนกับชอบใจเสียเต็มประดาใส่บานประตูไม้ที่ไม่ได้มีคุณสมบัติกลั่นกรองเสียงแต่อย่างใด

               ..ถ้าลิลลี่ไม่ได้ยินผมให้ถีบเลยเอ้า


               “อะ..มาร์ค…”
     
               “..อื้อ! อ๊ะ..!! มาร์ค.. ดี!”
     
               “มาร์ค..ระ..แรงอีก..”


               …ไอ้การครางแบบเต็มสตรีมแถมเรียกชื่อผมอย่างจงใจนั่นอะไร? ผมสาบานได้เลยว่าตอนนี้ลิลลี่จะต้องยืนช็อคอยู่อีกฝั่งของประตู แต่ก็ไม่สามารถหยุดเราได้แล้ว ความบีบรัดที่ชวนละลายนั่นทำให้ผมถอนตัวไม่ได้ เสียงที่เปล่งออกมาเป็นชื่อผมก็ดี สะโพกแน่นที่กระทบกับบั้นเอวผมก็ดี ไหนจะหน้าตาที่ดูสะใจสุดๆนั่นอีก.. มันน่าหมั่นเขี้ยวจริงๆ

               “มาร์ค...อื้อ..! ลึกอีก..!”
     
               “อ๊ะ..! อีก.. เข้ามา..!!”


               เด็กเอาแต่ใจเอ๊ย..


               ผมถอนออกจนส่วนนั้นเกือบจะหลุดจากความร้อนผ่าว ก่อนจะดันพรวดเข้าไปใหม่จนสุดในทีเดียว เสียงครางหวานดังลั่นผสมกับเสียงหอบหายใจของผมเอง มือจับตรึงอยู่กับสะโพกแน่น ฉุดดึงให้เข้ามารับแรงกระแทกถี่ๆครั้งแล้วครั้งเล่า ปล่อยให้อีกฝ่ายเรียกชื่อผมให้พอใจ จนกว่าเสียงจะแหบ หรือจนกว่าลิลลี่จะยอมถอย







แจ็คสันเป็นคนดี เป็นคนเห็นอกเห็นใจ เป็นคนน่ารัก เป็นคนคิดถึงคนอื่นก่อน..
     
เหอะ อยากจะ “เหรอออ” ให้ยาวจากตรงนี้ไปถึงฮ่องกง
     
ถ้าคุณไม่ใช่มาร์ค ต้วน คุณไม่มีวันเข้าใจ


ขี้อิจฉาล่ะหนึ่ง เอาแต่ใจล่ะสอง ไหนจะเจ้าคิดเจ้าแค้นซะ ถ้าได้เกลียดใครละก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่เป็นสุข
     
..แล้วยังจะหวงก้างอีก
     
     
ผมจะทำอะไรได้ล่ะทีนี้?






------------------------------------------------------------------------------------------




"ไหนอ่ะถุงยางแผงนึง?"
     
"นี่โง่เชื่อว่ามีด้วย?"

     

"โอ๊ยๆ อย่าตีดิมาร์ค!!!"


#มสเพื่อนร่วมเตียง

LI5HT

Comments