BED FRIEND : 002



002


ผมเป็นรูมเมทกับมาร์คได้เจ็ดปีแล้ว..
ฮั่นแน่ะ ฟังดูไม่เยอะเท่าไหร่ใช่ไหม? แต่ถ้าผมบอกคุณว่า เรารู้จักกันมา 25 ปีแล้วล่ะ?
นั่นเยอะพอที่จะทำให้คุณเชื่อว่าเราโคตรจะสนิทกันรึยัง?




               ผมทำงานที่บริษัทเดียวกันกับมาร์ค ผมอยู่ฝ่ายโฆษณา ส่วนทางนั้นอยู่ไอที เราไปทำงานพร้อมกันเสมอด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือบางวันถ้าอารมณ์ดี เราก็จะไถสเก็ตบอร์ดถีบสกู๊ตเตอร์ไปบริษัทด้วยกัน

               แต่การกลับบ้านของเรานั้น.. เป็นอีกเรื่องหนึ่ง




               “ถ้าวันนี้ไม่เสร็จ จะไม่มีใครได้กลับบ้านทั้งนั้น!”



               เสียงเย็นๆของเจ้าพ่อประจำทีมพัฒนาดังลั่นแผนกไอที ให้เด็กห้าขวบฟังยังรู้เลยว่ามีคนอารมณ์เสียแถวนี้ และมันก็เป็นคนเดิมๆเสียด้วย

               เอาจริงๆนะ มาร์คมันเป็นคนหัวร้อน อารมณ์ก็รุนแรง มนุษยสัมพันธ์ก็ติดลบ ยิ่งมาอยู่แผนกที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์มากกว่าคุยกับคนแบบนี้ยิ่งแย่ไปใหญ่ ไม่รู้หัวหน้าแผนกคิดยังไงให้มันคุมทีม ผมล่ะสงสารลูกน้องมันชิบหายต้องมาโดนลูกพี่แบบนี้โขกสับอยู่ทุกวัน

               แต่พูดก็พูดเถอะ.. ต่อให้ข้อเสียมาร์คมันมีเยอะ แต่ข้อดีของเพื่อนผมก็มีมากพอที่จะทำให้บริษัทจ้างมันต่อก็แล้วกัน


               ผมเดินเข้าไปในแผนกพัฒนาที่กระหน่ำเปิดแอร์เย็นเจี๊ยบ ยิ่งมีหน้าตาบอกบุญไม่รับของหัวหน้าทีมบางคนด้วยแล้ว บรรยากาศยิ่งเย็นยะเยือกไปใหญ่ ทำเอาน้องๆที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้แค่สามวันตัวสั่นหงึกๆ และพร้อมใจกันทำหน้าเหมือนเห็นพระมาโปรดเมื่อเห็นผมเดินเข้าไปหา

               “วันนี้จะไม่กลับ?” ผมถามคนที่ยังหันหลังให้ผมพลางวางแขนพาดไหล่มัน ลากเสียงยาวผ่อนความมาคุในห้องให้บางลง
               “เมื่อวานน้องมันก็นอนค้างบริษัทน่า ให้มันกลับเห้ออ”

               เจ้าของตาคู่คมหันกลับมามองผมอย่างเชือดเฉือน แต่เสียใจ เห็นมายี่สิบห้าปีแล้ว ต่อให้อยากแค่ไหนก็ไม่กลัว


               พอหันไปสบสายตาอ้อนวอนของลูกทีมมันแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำ เผลอคิดเล่นๆว่าถ้าผมไปทำอาชีพดับเพลิงไม่ก็หน่วยกู้ภัยนี่ท่าจะรุ่งว่ะ ได้ช่วยชีวิตคนบ่อยเหลือเกิน
               เอาเถอะ เห็นว่าเป็นเด็กใหม่ ช่วยมันหน่อยก็ได้


               “มาร์ค..”
               ผมบีบหัวไหล่แน่นใต้เสื้อยืดลำลองเบาๆ แผนกไอทีจะแต่งตัวชิลแค่ไหนก็ได้อยู่แล้ว ขอแค่ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำหรือแก้ผ้ามา ประตูบริษัทเปิดรับเสมอ


               “ไปดูดบุหรี่เป็นเพื่อนหน่อยดิ”


               และนั่นเป็นประโยคที่ทุกคนเรียกกันว่า.. ‘สัญญาณช่วยชีวิต’







               “อือ…”

               ผมครวญเบาๆในลำคอ เอนหลังพิงกำแพงปูนหยาบๆของดาดฟ้าบริษัทโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าสูทจะเปื้อนหรือไม่เพราะนี่ก็เลิกงานแล้ว มือผมสอดลูบเบาๆอยู่ที่ผมสีเทาหม่นของอีกฝ่าย พลางกดให้อีกฝ่ายเข้ามาชิดอีก ขณะที่เอียงคอปรับองศาให้พอดี เพิ่มความลึกล้ำร้อนแรงของจูบให้มันมากขึ้นไปอีก


               ตั้งแต่ขึ้นมาบนนี้ บุหรี่ยังไม่ได้แตะ ไฟแช็คยังไม่ได้จุด ไอ้คนตรงหน้าก็พุ่งใส่ผมแล้ว ไม่รู้ว่านี่จูบที่เท่าไหร่ แต่ปากผมคงใกล้ช้ำเต็มที ไอ้บ้านี่ยิ่งชอบดูดแรงๆอยู่.. มันต้องมีเฟติชอะไรสักอย่างกับปากแน่ๆ


               จะว่าไปแฟนใหม่มันก็ปากเจ่อๆอยู่นะ..

               พอคิดถึงแฟนใหม่คนที่ว่าของมันก็อยากจะทำบุญกรวดน้ำให้ล่วงหน้า มาร์คหน้าตาดีก็จริงหรอกครับ แต่อย่างที่บอกแหละ สันดานไม่ได้เรื่อง นี่คุยกันแป๊บๆก็ฝากซื้อถุงยางมาใช้แล้ว ถ้าจำไม่ผิดน้องแบมแบมนี่เพิ่งอยู่มหาลัยปี 1 เองมั้ง? ไม่รู้หลงมาติดกับดักมันได้ยังไง

               “เฮ้ยๆ อย่าต่ำมาก..” ผมเคาะกระโหลกแม่งไปทีนึงเมื่อริมฝีปากนั้นเริ่มลงไปที่ขอบกางเกง เปล่าเล่นตัวนะ แต่บนนี้หนาวอย่าบอกใคร ลมก็แรง ไม่อยากลาป่วยให้เสียวันลาพักร้อน “ข้างบนพอแล้ว”

               ยัง ยังจะมาขมวดคิ้วใส่ คิดว่าสนเหรอ?

               “ถ้าอยากมากก็โทรหาแบมมั้ย?”


               ท่าทางจะพูดอะไรไม่เข้าหูมัน อีกฝ่ายถึงได้ถอนหายใจเสียยาว ลุกขึ้นมากดจูบแถวๆต้นคอผมอีกรอบ ก่อนจะงับดึงใบหูด้วยเขี้ยวแหลมๆนั้นจนต้องโอดโอยให้มันหยุด

               ลมหายใจอุ่นที่รินรดอยู่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกมากเท่ากับกางเกงยีนส์ที่เบียดเข้ากับแสลคเข้ารูปของผม ยิ่งสะโพกแข็งๆนั่นย่อลงนิด และกระแทกเสียดสีกลับเข้ามาในลักษณะและตำแหน่งที่ชวนให้คิดดีไม่ได้นั่นแล้ว ที่ว่าหนาวๆอยู่เมื่อกี้นี่เกือบลืมไปเลย
               ไหนจะเสียงทุ้มต่ำที่แค่พูดปกติลูกน้องก็แทบจะลงไปหมอบพึมพำชิดใบหูนั่นอีก..

               “ตอนนี้ไม่อยากได้แบม...”



               อืม..ชัดเจน



               “งั้นก็กลับบ้านพร้อมกันสิ”







------------------------------------------------------------------------------------------






               “รอบนี้เตียงใครวะ?”

               ผมถามในขณะที่ถอดรองเท้าออกวางกองแถวๆประตู อย่างที่บอกแหละครับว่ายุ่งๆกันมาสักพัก แถมช่วงนี้มาร์คมีแฟน ต้องออกไปเดทบ่อยหน่อยเราเลยไม่ค่อยได้ทำอย่างอื่นกันเท่าไหร่ ลืมไปแล้วว่าครั้งสุดท้ายมันเดือนไหน..

               “จำไม่ได้..”

               นั่นไง อีกคนก็คงลืมพอกัน


               เราแชร์คอนโดกันครับ ซึ่งมีอยู่สองห้องนอน แน่นอนว่าเราต้องแบ่งกันคนละห้องอยู่แล้ว แต่ในบางเวลาที่เรา… นั่นแหละ เตียงมักจะเปื้อนเสมอ และมันก็ไม่มีใครอยากจะซักหรือเปลี่ยนผ้าปูบ่อยๆให้เหนื่อยเล่น เราเลยตกลงกันว่าสลับกันครั้งละเตียงก็แล้วกัน เพื่อความเท่าเทียม

               แต่ประเด็นคือ.. จำไม่ได้อ่ะว่าคราวก่อนของใคร และไม่มีใครอยากจะซักผ้าปูพรุ่งนี้ด้วย


               “โซฟามั้ย?”

              “..ปวดหลัง”

               “ระเบียง?”

               “มาร์ค.. นี่เดือนพฤศจิกา”

               “ห้องครัว?”

               “จานของเมื่อวานยังไม่ได้ล้างเลย”



               “เฮ้อ..”


               เราถอนหายใจออกมาพร้อมกัน และนั่นก็ทำให้ผมหันไปมองหน้ามาร์คที่ดันหันกลับมาเหมือนกันอีก สุดท้ายเลยระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้



               “นี่..”

               เป็นมาร์คที่พูดขึ้นมาก่อน ตาคู่สวยนั่นจ้องมาที่ผมอย่างขี้เล่น เหมือนตอนที่เราเป็นเด็กๆ.. ตอนที่อีกคนยังเป็นเด็กชายมาร์ค ไม่ใช่หัวหน้าทีมอภิมหาดุที่ลูกน้องได้ยินชื่อก็แทบฉี่ราดของบริษัท “ห้องน้ำมะ?”

               จริงๆก็อยากจะบอกนะว่าแม่งลื่น แต่ดูแล้วที่ไหนๆก็ดูไม่พร้อมทั้งนั้น ถ้าไม่ตกลงตอนนี้เห็นทีจะเหลือแค่หน้าประตูกับลานจอดรถให้เลือกแล้ว

               “ไม่นอนกับพื้นนะ เย็นหลัง”







               ผมมองพื้นห้องน้ำหลังสงครามของเราสองคนอย่างอ่อนใจ มาร์คมันไม่ให้ผมนอนกับพื้นก็จริงหรอก แต่แม่งเสือกให้ผมอยู่ข้างบนในอ่างแทนนี่สิ ไม่รู้รึไงว่าขย่มแล้วน้ำมันกระเพื่อม พื้นนี่เปียกตั้งแต่ตรงนี้ไปยันผ้าเช็ดเท้าเลยเหอะ

               ผมต้องบังคับให้มันเช็ดให้ได้ คอยดูสิ


               “..มาร์ค..อะ.. อาาา

               แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะ ดูมันกำลังยุ่งกับอกผมอยู่จนไม่น่าจะสั่งอะไรได้ ขนาดหมดยกไปแล้วยังไม่เลิกกัดอีก ป่านนี้รอยเต็มไปหมดแล้วมั้ง
               “อยะ..อย่าดูด..อ๊ะ..แรง..”


               ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้สึกมากทุกทีที่อีกฝ่ายดูดตรงนั้นด้วย ผู้หญิงก็ไม่ใช่ ตรงนั้นไม่ควรจะเป็นจุดไวสัมผัสป่ะวะ? แต่ก็เอาเถอะ ผมไม่เถียงว่ามันรู้สึกดีมากจริงๆเวลาที่มาร์คสัมผัส ไม่ว่าจะด้วยปากหรือลิ้นหรือมือก็ตาม และมันก็ชอบด้วยนะ ดูหน้ามันตอนนี้ดิ ฟินกว่านี้มีอีกมั้ย?


               “เลิกครางดิ เดี๋ยวหยุดให้” ตลกล่ะครับมาร์คต้วน ถ้าเลิกได้ผมคงได้เสื่อมสมรรถภาพแล้วมั้ง?

               “พอน่า.. พรุ่งนี้นัดพี่ยองแจไว้” ผมยีหัวมันเล่น ไม่ได้อนุญาต แต่ก็ไม่ได้ห้ามมันชัดเจน “ให้ได้รอบเดียว เข้าใจนะ?”


               อีกฝ่ายเลิกคิ้ว มองช้อนจากมุมนั้นขึ้นมามองผมตาแป๋ว อื้อหือ.. อย่าให้ใครเห็นมุมนี้เชียวนะครับเพื่อน ไม่งั้นผู้ชายเดินตามเป็นแถบแน่ หวังไม่อยากมีสถานะเป็นไม้กันหมาเพิ่มอีกตำแหน่ง

               “ยังไม่เลิกกันอีกเหรอ?”

               “อ้าว แช่งเพื่อ?” ผมหัวเราะเบาๆ “พี่เขาไปดูงานต่างประเทศเฉยๆ ยังไม่เลิกโว้ย”


               ไม่ต้องเดาก็พอรู้ใช่ไหมครับว่านั่นคือแฟนผมเอง คบกันตอนใกล้ๆเรียนจบ อีกฝ่ายแก่กว่าผมปีหนึ่งและทำงานในบริษัทส่งออกอาหารอะไรสักอย่าง แต่ค่อนข้างจะอยู่ไม่ติดที่เท่าไหร่ เราเลยไม่ค่อยได้ใช้เวลาด้วยกัน

               แต่ถามว่าผมชอบพี่เขาขนาดนั้นไหม… ไม่รู้สิ แต่ตอนที่เราห่างๆกันผมก็ไม่ได้เศร้าอะไรนะ แบบมีก็คบ ไม่มีก็ชิลดี



               คนที่ผมนั่งคร่อมตักอยู่ถอนหายใจแบบเสียไม่ได้ ผมรู้ว่ามันไม่ได้เสียใจอะไรหรอกที่ผมยังไม่เลิกกับพี่ยองแจ เราไม่ได้รักกันแบบนั้น เพียงแค่ร่างกายของผมกับมาร์คเข้ากันได้ดีไปหน่อยก็เลยใช้ประโยชน์ให้คุ้มเฉยๆ และถ้าให้พูดแบบไม่อาย ตอนทำกับมาร์คน่ะรู้สึกดีสุดๆ มาร์คโคตรเก่งกับเรื่องแบบนี้ ขนาดผมที่เป็นฝ่ายรุกมาตลอดยังระทวยเลยคุณ

               นั่นพอจะเป็นอีกเหตุผลที่ว่าทำไมถึงยังมีคนเข้าหามันเรื่อยๆ ทั้งที่รู้ว่ามันนิสัยไม่ได้เรื่อง
               (นอกเหนือจากความหน้าตาดีแบบสวรรค์ลำเอียงของมันน่ะนะ..)



               “เออ มาร์ค”


               ผมเรียกมันไว้ในขณะที่อีกคนกำลังก้าวขาออกจากอ่าง ส่วนตัวผมนั้นห่อตัวเองด้วยผ้าขนหนูเรียบร้อย และไม่ทันที่มันจะอ้าปากถามผมก็คว้าคอเข้ามาจูบหนักๆทีนึง อาศัยจังหวะตอนมันไม่ทันตั้งตัวดูดปากคืนบ้าง ก่อนจะผละออกทันทีที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะตั้งสติได้




               “ถูพื้นห้องน้ำให้ด้วยนะครับ





               ว่าแล้วก็ชิ่งสิครับ รออะไร?








------------------------------------------------------------------------------------------







"ประกาศ ในอีก 5 นาทีข้างหน้าจะมีฝนฟ้าคะนองและพายุเทอร์นาโดมาร์คต้วนในบริษัท.."

"ขอเชิญคุณแจ็คสันหวัง แผนกโฆษณา ประจำที่แผนกไอทีเพื่อความอยู่รอดของพนักงานทีมพัฒนาฯด้วยค่ะ"

"ขอบคุณค่ะ"





#มสเพื่อนร่วมเตียง





LI5HT

Comments